เปิดตัว!!"พระวีระธุ"..ครั้งหนึ่งเคยเข้ารับรางวัลที่ธรรมกาย??!! พระผู้สร้างความเกลียดชังชาวมุสลิม!! ประเทศไทยใช่ว่าไม่มี!!??

จากเหตุการณ์พระวีระธุ (Wira Thu ) ผู้นำกลุ่มเเกนนำสงฆ์ชาตินิยมพม่า หรือเรียกว่า ชาวพุทธขวาจัด "มะบ๊ะต๊ะ"   (MABATHA) นำพระสงฆ์และชาวเมียนมาร์เดินขบวนสนับสนุนวัดพระธรรมกาย พร้อมถือป้ายที่มีข้อความ  เเละพื้นหลังเป็นรูปมหาธรรมกายเจดีย์ เเละภาพ พระธัมมชโย พร้อม ขอให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง 

รวมไปถึงยังเรียกร้อง  พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ยกเลิก ม.44 กับวัดพรพธรรมกาย  เเละ เตรียมชุมนุมใหญ่กดดันหน้าสถานทูตไทย ในเมียนมาร์

 

 

 

 

 

 นอกจากนี้ พระวีรธุ ยังได้โพสต์บนเฟซบุ๊ก Wira Thu  โดยระบุ ข้อความและรูปภาพ ประณามรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ ว่าเป็นผู้ทำลายพุทธศาสนา และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารออกจากวัดพระธรรมกายโดยเร็วที่สุด

 

โดยหากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม  2559 มีกระแสข่าวว่าองค์กรพุทธไทยได้มอบรางวัลผู้นำดีเด่น “พระวีระธุ” ที่วัดพระธรรมกาย โดยพระวีระธุเดินทางมายังประเทศไทยด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นางลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งข่าวว่าพระวีระธุได้รับรางวัลผู้นำดีเด่นจากประเทศไทย จึงได้ตรวจสอบข่าวจากเมียนมาไทม์ และแฟนเพจของพระวีระธุ พบว่าเป็นความจริง โดยข่าวที่เป็นภาษาพม่า ระบุว่าองค์กรสงฆ์ระดับชาติของไทยร่วมกับกลุ่มเยาวชนพุทธ จัดงานวันมาฆบูชาขึ้นที่วัดธรรมกาย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีการมอบรางวัล “ผู้นำดีเด่น” ให้กับภาคีผู้นำชาวพุทธทั่วโลกซึ่งเป็นรางวัลที่มีการมอบกันมาตั้งแต่ปีค.ศ.2014 โดยในเมียนมาไทม์ ระบุคำให้สัมภาษณ์ของแกนนำองค์กรมะบะธะว่า ทางมะบะธะต้องแข่งขันกับอีกหลายองค์กรพุทธทั่วโลกอีก 40 ประเทศ จึงได้รับรางวัลผู้นำดีเด่นจากประเทศไทย แต่ในข่าวไม่ได้ระบุว่ามีกี่องค์กรได้รับรางวัล ..โดยจากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 59 พระวีระธูได้โพสต์ในเฟซบุ๊ค Wira Thu ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมารับรางวัลที่ประเทศไทย

 

ทั้งนี้ทางพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า กรณีที่กระแสสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการมอบรางวัลแก่พระสงฆ์พม่านั้น เป็นการเข้าใจผิด วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นผู้จัดงานดังกล่าว อีกทั้งการมอบรางวัล วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นผู้มอบรางวัลให้

 

สำหรับ พระวีระธุ  หรือ“บินลาเดน พม่า” อันเป็นฉายาที่พระวีระธุเองยินดีรับมาอย่างเต็มใจ ผู้นำพระสงฆ์และชาวพุทธในพม่าที่ตั้งกลุ่มต่อต้านชาวโรฮิงยา และชาวมุสลิมในพม่า จนเกิดเหตุจลาจลระหว่างชุมชน ที่รัฐอาระกันของพม่า และได้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นในพม่า  จนได้รับการขนานนามให้เป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ของขบวนการพุทธศาสนาสุดโต่ง ที่เรียกตัวเองว่า “ขบวนการ 969” อันเป็นขบวนการชาตินิยมต่อต้านศาสนาที่แตกต่าง ที่มีบทบาทมาตั้งแต่ปี 2544 การเข้าไปพัวพันกับขบวนการดังกล่าว ทำให้พระวีระธุถูกจับกุมคุมขังในปี 2546 ก่อนได้รับอิสรภาพในอีก 9 ปีต่อมา ภายใต้โครงการนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ของรัฐบาล

ขณะเดียวกันสถานการณ์ในประเทศไทยก็มีเหมือนกันกับความพยายามเคลื่อนไหวให้เกิดความแตกแยกระหว่างพี่น้องชาวไทยพุทธ กับพี่น้องไทยชาวมุสลิม  อาทิ  เมื่อวันที่ 24 พ.ค.59  นายเสรี มัดต่อเห็ด พร้อมตัวแทนชาวไทยเชื้อสายมุสลิม กลุ่มมุสลิมรักสันติจำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เผยแพร่กระจายข่าวสาร เพื่อสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมในประเทศไทย

 

สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ ในเฟซบุ๊คที่ชื่อว่า "ตื่นเถิดชาวพุทธ - Wake Up Buddhist"  ซึ่งเป็นเพจที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย โดยเพจดังกล่าวมีการอ้างว่า ชาวไทยมุสลิมมีแผนยึดครองประเทศไทย ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งทางสำนักจุฬาราชมนตรี และสำงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีความวิตกกังวลกับกรณีดังกล่าว และมองว่าเป็นการปลุกปั่น สร้างกระแส จึงได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง "การแพร่กระจายข่าวสารเพื่อสร้างความเกลียดชังและความแตกแยกในสังคมไทย" ที่เคยนำมายื่นต่อนายกฯ แล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ย.58 แต่ขณะนี้ยังพบว่ามีการแพร่กระจายข่าวสารเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากหน่วยงานรัฐไม่เร่งดำเนินการตรวจสอบ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จะยิ่งสร้างความเข้าใจผิดและความความขัดแย้งมากขึ้นในสังคมไทย

 

 

 

 

 

ต่อจากนี้ต้องจับตาท่าทีความสัมพันธ์ของพระวีระธุกับวัดพระธรรมกาย  โดยอาจจะมีแนวความคิดที่คล้ายคลึงกัน นำพามาซึ่งความแตกแยกของคนในสังคมกับการนับถือศาสนา โดยวันนี้ทั้งคู่กำลังรวมมือหนุนหลังช่วยกันแล้วซึ่งกันและกัน ใช่หรือไม่??

 

เรียบเรียง Wila