"สนธิญาณ"ชี้!! "ธรรมกาย" เล่นเกมยาว ลากสถานการณ์ไปบรรจบกับ "ม็อบการเมืองทักษิณ" ชี้รัฐฯถึงเวลาต้องปิดเกม เพราะปชช.เชียร์

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

                สนธิญาณ : เมื่อวานเปิดประเด็นไปให้ร้อนแรงว่ารัฐจะต้องใคร่ครวญและไตร่ตรองในการที่จะต้องปิดประเด็นของวัดพระธรรมกายเนี่ยให้ได้ นะครับ ถึงขนาดใช้มาตรา 44 แล้วเนี่ยนะครับ ไม่สามารถเดินเรื่องให้ยุติได้เนี่ย ความเชื่อมั่นของรัฐบาล คสช.และพลเอกประยุทธ์เนี่ย จุดแข็งที่สุดอยู่ในเรื่องความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย เพราะฉะนั้นโดยข้อเท็จจริง ยังไงเรื่องนี้รัฐก็ไม่ยอม ประเด็นที่ผ่านมาผมก็เรียนว่าจะต้องใจเย็น และก็อดทนรออีกซักนิดนะครับสำหรับผู้คนทั้งหลายที่เชียร์รัฐบาลและ คสช. อยู่ ในการที่จะปัดกวาดเรื่องนี้ให้สะอาดเรียบร้อยเนี่ยนะครับ แต่อีกด้านหนึ่งนะครับ เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงและรัฐเองก็ต้องยอมรับความผิดบางประการ ในแง่ของการบริหารจัดการหน้างานที่วัดพระธรรมกายนะครับ โดยทั่วไปเนี่ยนะครับ มันน่าที่จะมีเขาเรียกว่าผู้บัญชาการเหตุการณ์เนี่ย 1 คน ตอนนี้จะเป็นอธิบดีดีเอสไอหรือไม่ก็ตามแต่เนี่ยนะครับ ในการที่จะดูงานในทุกรูปแบบ ความหมายของการดูงานทุกรูปแบบเนี่ยคืออะไรครับ หนึ่ง ดูงานการปฏิบัติการการบังคับใช้กฎหมาย สอง ดูงานในการด้านการปฏิบัติการในการประชาสัมพันธ์ และทางด้านจิตวิทยา ดูแลงานทางด้านมวลชน นะครับ และอื่นๆ จะดูงานทางด้านสืบสวนสอบสวน หาข่าวทางลับอะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งที่เราได้เห็นอยู่ในขณะนี้เนี่ย ผมเรียนย้ำนะครับ ระหว่างที่ดีเอสไอนะครับ ประกาศว่า งด ตัดโทรศัพท์ในบริเวณวัดพระธรรมกาย ระหว่างที่เน็ตของนักข่าวข้างนอกนั้นติดๆดับๆเนี่ย แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎก็คือว่า วัดและผู้คนที่อยู่ในวัดพระธรรมกายยังใช้โทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตได้ ด้วยเหตุผลอันใด อันนี้ต้องไปหา สองนะครับ ผู้คนยังเข้าออกอยู่ได้ และผมย้ำนะครับ การเข้าออกนั้นมีมาตรการในการใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างในการหาคนมาและจ้างเป็นรายหัว อีกประการหนึ่งก็คือการเกณฑ์พนักงานในบริษัทของบรรดาศิษยานุศิษย์ซึ่งเป็นนักธุรกิจขนาดใหญ่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเข้าไป บริเวณวัดพระธรรมกายเนี่ยนะฮะ สองพันไร่ กว้างใหญ่มากครับ เจ้าหน้าที่กำลังทหารจึงไม่ได้มองข้างหลังเนี่ยเป็นกองฟาง ก็ใช้ที่นั่นเป็นกำลังไร้คนกันไป ดังนั้นมาถึงนาทีนี้เนี่ยนะครับ มันสรุปให้ชัดเจนได้เลยว่า ถ้ารัฐไม่เร่งดำเนินการนะครับ ความเสียหายระยะยาวเนี่ยอาจจะมากขึ้น เพราะดูเจตนาแล้วในตอนนี้นะ วัดพระธรรมกายรู้ทั้งรู้อยู่ว่าไม่สามารถที่จะต้านทานกับการใช้อำนาจรัฐได้ แต่ทำไมถึงต้าน ย้ำนะครับ เขาต้านเพราะต้องการที่จะเอาประเด็นนี้เนี่ย ขยายความไปจุดไฟ เชื่อมโยงกับระบอบทักษิณ การที่จะประกาศนะครับ 20 รายชื่อของแดงฮาร์ดคอร์และผู้คนจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบอบทักษิณเข้าไปเกี่ยวกันในวัดพระธรรมกาย เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ ปรากฎชัด ปฏิบัติการที่ใช้อยู่ในขณะนี้เป็นปฏิบัติการต้านเจ้าหน้าที่ฮะ การใช้ยุทธวิถีทางการทหาร ซึ่งพระก็เฉลียวฉลาด เรียนปริญญาโท จบเป็นมหา แต่ความรู้พวกนี้ ไม่น่าที่จะมีได้ ดังนั้นนะครับ เราจึงเห็นปรากฎการณ์ในการที่จะยืดเยื้อและก็ขยายความกันต่อไป ทีนี้กลับมาดูกันซิว่าประเด็นที่เขาหยิบฉวยมาใช้ในการเคลื่อนไหวขณะนี้ 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือยกเลิก มาตรา 44 ออกไปและองค์กรพุทธทั่วโลก ความจริงเป็นองค์กรที่วัดพระธรรมกายจัดตั้งเท่านั้น ประเด็นที่สองที่กำลังไหลมาเทมาตอนนี้คืออะไรฮะ รัฐใช้เงินถึง 60 ล้านนะไปปราบ เป็นการผลาญเงิน ซึ่งเป็นพื้นฐานมาก คุณยุคล ว่า ไอ้การที่ต้องใช้มาตรา 44 เนี่ยนะ ที่วัดพระธรรมกายหรือลูกศิษย์ลูกหาต้องการให้ยกเลิกอยู่นั้นเนี่ย ทำไมไม่เรียกร้องปัจจัยแห่งเหตุมั่งว่า พระธัมมชโยมอบตัว ถ้าพระธัมมชโยมอบตัว ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายนะครับ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจะได้มีการประกันตัวอย่างแน่นอน การใช้มาตรา 44 จะเกิดไหมฮะ ก็ไม่เกิด ถูกไหมฮะ ถามว่าการที่รัฐต้องเสียเงินไป 60 ล้านเนี่ย มันมาจากใคร มันมาเพราะรัฐต้องการจะเสีย หรือเพราะมีผู้ที่กระทำความผิดกฎหมายผู้หนึ่ง ฝ่าฝืน ต่อต้าน ใช้อำนาจเงิน พลัง ศรัทธา และเครือข่ายที่มีออกมาต่อต้าน มันถึงต้องทำให้เกิดประเด็นการใช้งบประมาณเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้นะครับ ผมเรียนว่าโลกโซเชียลเนี่ยนะฮะ ประชาชนที่ช่วยสนับสนุนรัฐในการเรียกว่าตอบโต้หลายข้อเท็จจริง เรามาดูได้เลย ย้ำนะฮะ เรามาดูได้เลยในตอนนี้ ข้อเท็จจริงต่างๆของวัดพระธรรมกายที่มีอยู่ เป็นเรื่องที่ฝั่งประชาชนเนี่ย ออกมาช่วยทั้งนั้นนะ ถูกไหมฮะ  รัฐไม่ได้เปิดเผยข้อมูล หรือไม่ได้เอาข้อมูลต่างๆเนี่ยนะครับ เอามาแถลงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ละวันก็มีแต่การแถลงหน้างาน มาเป็นวันๆหน้างานมาเป็นวันๆแถลงไป แต่ข้อมูลเชิงรุก ข้อมูลข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่เครือข่ายประชาชนหรือองค์กรข่าวเปิดเผยกัน แล้วเกิดอะไรขึ้นละครับ ไปดูกรณีของคุณหมู พิมพ์ผกา หรือกรณีของคุณดี้ นิติพงษ์ ถูกถล่มยับ ทำไมถล่มยับล่ะครับ ก็เพราะอีกฝั่งหนึ่งเนี่ยนะครับ เขาเปิดแนวรบทุกแนว นึกภาพออกไหมครับคุณยุคล เขาเปิดแนวรบทุกแนว แนวรบเขาก็รุกไปทุกแนว ในระหว่างที่ความตั้งใจของรัฐและ คสช. เอาจริง แต่องค์กรและกระบวนการจัดการในขณะนี้เนี่ยนะครับ หน้างานเนี่ยทำงานไป ด้วยความตั้งใจนะ แต่ทำงานไปเป็นวันๆ ทำงานไปตามเรื่องเฉพาะหน้า ขาดแผนงานยุทธศาสตร์ในการวางแนวทั้งหมดในการที่จะรุกในการทำงาน ผมเรียนแบบนี้นะครับ ข้อมูลเหล่านี้นะครับ ไม่ได้คิดมโนขึ้นมาเองนะฮะ หาข่าว พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และก็มองเห็นอยู่ตลอดนะครับ ด้านหนึ่งก็มาเปิดเผยออกสู่สาธารณะชนให้รับทราบ คาดหวังว่าจะได้มีการปรับกระบวนการและวิถีการทำงานเนี่ยให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ แผนทุกแผนเนี่ยไปทุกทิศทาง ภาคประชาชนไม่ต้องเหนื่อยนะฮะ น้องอุ๋ยไม่ต้องออกมา มีอุ๋ย 1 อุ๋ย 2 อุ๋ย 3 อุ๋ย 4 นะครับ ดีนะคุณอุ๋ยเขาแข็งแรง ไปเจอแบบคุณดี้ คุณหมู ก็จะกระเจิดกระเจิงไปครับ อันนี้ก็มาลำดับสถานการณ์ล่าสุดเนี่ยนะครับ ให้เห็นภาพและความเข้าใจ จับตาดูนะฮะว่า วันนี้เนี่ยนะครับ หลังจากที่เปลี่ยนผู้อำนวยการสำนักพุทธแล้วเนี่ยนะครับ เห็นไหมฮะ การรุกการตรวจใบสุทธิเนี่ยเอาจริงขึ้น อย่าลืมนะครับว่าผู้อำนวยการสำนักพุทธเนี่ยนะครับ เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการตำรวจพระด้วยนะครับ นอกจากเลขาธิการของ คสช. แล้ว .. ของ มหาเถรแล้วเนี่ยนะครับ เดี๋ยวเราจะได้เห็นการปฏิบัติการในเชิงรุกในตรงนี้เนี่ยเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เกาะติดกันเอาไว้ให้ดี