ความจริงก็คือความจริง!! ทีมกู้ชีพแจงนาทีชีวิตช่วยอาสาพยาบาลธรรมกายก่อนสิ้นลม ไม่ล่าช้าไม่มีจนท.รัฐปิดกั้น #ศิษย์สาวกหยุดบิดเบือน!!??!!

ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/

หลังจากพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์การวัดพระธรรมกาย โพสข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคหอบหืดซึ่งพักอยู่ที่หลังวัดพระธรรมกาย ต้องการยาพ่น และได้ประสานทางหน่วยกู้ชีพรัตนเวชเข้าไปรับตัวผู้ป่วย แต่ติดด่านตำรวจทหาร และไปถึงในเวลา 12.39 น. ทำให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว โดย พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ยังระบุอีกว่า เสียเวลาในการติดต่อและผ่านเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดกว่า 1 ชั่วโมง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.พัฒนา เชียงแรง อายุ 48 ภูมิลำเนาจังหวัดพะเยา เป็นอาสาพยาบาลของวัดพระธรรมกาย

ความจริงก็คือความจริง!! ทีมกู้ชีพแจงนาทีชีวิตช่วยอาสาพยาบาลธรรมกายก่อนสิ้นลม ไม่ล่าช้าไม่มีจนท.รัฐปิดกั้น #ศิษย์สาวกหยุดบิดเบือน!!??!!

 

 

ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้เชิญเจ้าหน้าที่กู้ภัยของอุบัติเหตุฉุกเฉิน 1669 มาสอบปากคำ โดยเจ้าหน้าที่ให้การยืนยันว่า ขั้นตอนหลังรับแจ้งไม่ได้ล่าช้าและไม่ได้หลงทาง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการปิดกั้นพื้นที่ให้ทีมกู้ชีพเข้าไปช่วยเหลือ ขณะเดียวกันย้ำว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความเป็นกลาง ช่วยเหลือทางการแพทย์ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พระสงฆ์ และศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งการตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็อาจทำให้มีส่วนในขั้นตอนการโทรศัพท์ติดต่อขอความช่วยเหลือล่าช้าได้

ความจริงก็คือความจริง!! ทีมกู้ชีพแจงนาทีชีวิตช่วยอาสาพยาบาลธรรมกายก่อนสิ้นลม ไม่ล่าช้าไม่มีจนท.รัฐปิดกั้น #ศิษย์สาวกหยุดบิดเบือน!!??!!

 

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่สาธารณะจังหวัดปทุมธานีที่อยู่กองอำนวยการซึ่งตั้งอยู่ หน้าสภ.คลองหลวง ให้ข้อมูล ว่า ได้รับการประสานจากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อเวลา 12.10 น. ว่ามีผู้ป่วยเป็นลมชัก อยู่ใกล้ประตู 14 วัดพระธรรมกาย ภายในเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยได้ทำข้อตกลงว่าหากมีผู้ป่วยในพื้นที่ควบคุมพิเศษจะนัดหมายให้เข้าไปรับที่ประตูที่ 7 เท่านั้น

 

 

ความจริงก็คือความจริง!! ทีมกู้ชีพแจงนาทีชีวิตช่วยอาสาพยาบาลธรรมกายก่อนสิ้นลม ไม่ล่าช้าไม่มีจนท.รัฐปิดกั้น #ศิษย์สาวกหยุดบิดเบือน!!??!!

(ผู้เสียชีวิต)

 

 

จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอน เมื่อไปถึงได้มีพยาบาลซึ่งเป็นเพื่อนผู้ตายที่อยู่ในวัดพระธรรมออกมาที่ประตู 7 และพาไปยังจุดเกิด ถึงเวลาประมาณ 12.35 น. เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นตึก 4 ชั้น และภายในห้องพักพบว่าล็อคประตู 2 ชั้น เจ้าหน้าจึงพังประตูเข้าไป พบผู้ป่วยนั่งคว่ำหน้าอยู่ และไม่สัญญาณชีพจรแล้ว แต่เจ้าหน้าก็ยังคงช่วยเหลือเบื้องต้น โดยการกดนวดหัวใจเป็นเวลา 5 นาที แต่ไม่สามารถกู้สัญญาณชีพกลับมาได้

 

 

เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณ js100