สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

ในการเสด็จออกเยี่ยมประชาชนในท้องถิ่นธุระกันดาร ทุกครั้งพระองค์จะทรงงานแก้ไขความทุกข์ยากของคนในท้องถิ่นนั้นๆด้วยการ ออกไปดูปัญหาที่เกิดขึ้นจริง หรือ สอบถามเอาจากผู้คนในท้องถิ่นนั้น ในบางครั้งทำให้ต้องออกไปในพื้นที่ไม่ได้กำหนดไว้ในแผนการเสด็จ หรือเลยระยะเวลาที่ กำหนดไว้ บางครั้งพระองค์ต้องหาอาชีพใหม่มาให้คนในท้องถิ่นทำแทนการทำผิดกฎหมาย เช่นการปลูกกาแฟ หรือสวนลิ้นจี่ ลำไย แทนการปลูกฝิ่น  ซึ่งจำเป็นจะต้องมีผู้ปฎิบัติเป็นคนในพื้นที่ คอยช่วย และประสานงานให้สำเร็จ จนทำให้เกิดพระสหายประจำท้องถิ่นนั้นดังจะกล่าวถึงต่อไป

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

ชาวม้งชื่อ "นาย เล่ายี แซ่ท้าว"  ซึ่งเป็น กลุ่มพัฒนาชาวเขา ในปี๒๕๐๗ ไปรับการอบรมที่แม่ริม เชียงใหม่ ได้เข้าเฝ้าฯ "พ่อในหลวง" ครั้งแรกครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในครั้งนั้นได้นำเอาประเพณี ของชาวม้ง ที่เรียกว่า "อัวเน้ง" หรือพิธีทำผี ปัดรังควาน เพื่อให้โชคดี หายป่วย มาแสดงถวาย  ซึ่ง นายเล่ายี ได้ร่วมพระราชกรณียกิจในเรื่อง “ปลูกกาแฟ สวนลิ้นจี่ ลำไย แทนการปลูกฝิ่น เพราะเป็นยาเสพติด” ซึ่งในการเสด็จมาที่ จ.นาน บ่อยๆ ทรงรับสั่งว่า ทรงมี "พระสหาย" เป็น ชาวม้ง ชื่อ"นาย เล่ายี แซ่ท้าว" และ ในปี ๒๕๑๗ หลัง จากทรงทราบว่า นายเล่ายีรถคว่ำ จึงเสด็จฯ มาเยี่ยมแล้ว ในหลวงมาเยี่ยมครั้งสุดท้ายเมื่อปี ๒๕๒๑ เมื่อครั้งทรงมาที่ อ.ปัว ทรงเห็นว่า ใกล้ๆ จึงแวะมาเยี่ยม ทุกวันนี้ ศพของนายเล่ายี ถูกฝังไว้ที่ สวนลิ้นจี่ จุดที่ในหลวง เคยเสด็จฯ ตามที่ นายเล่ายี สั่ง เสียไว้ก่อนตาย ในปี ๒๕๔๐

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

ติดตามข่าวต่อเนื่องได้จาก เมื่อพระสหายเจ็บป่วย ถึงไม่เป็นพระสหายก็ทรงมาเยี่ยมถึงบ้านม้ง

 

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๕ ในหลวงรัชกาลที่๙  เสด็จพระราชดำเนินยังโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จึงทรงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลากและเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านทุ่งเค็จ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้พบกับในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระองค์ได้ตรัสกับนายวาเด็ง ปูเต๊ะ ว่า “จะมาขุดคลองชลประทานให้” ปู่วาเด็งได้เล่าความรู้สึกในครั้งแรกที่เจอในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า “ตอนนั้นเป๊าะทราบแล้วว่าเป็นในหลวง แต่จะเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่กล้า เพราะว่านุ่งโสร่งตัวเดียว ไม่ได้สวมเสื้อ” ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงถามถึงเส้นทางของสายน้ำ และลำคลองต่างๆ ปู่ก็ตอบได้ถูกต้องตรงตามแผนที่  ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงชอบพระทัยมาก พอเจอกันบ่อยๆ คุยกัน มีความเห็นตรงกัน ด้วยความเป็นคนซื่อตรง ในหลวง จึงมีพระราชดำรัสให้เป็น “พระสหายแห่งสายบุรี”  

 ปู่วาเด็ง (นายวาเด็ง ปูเต๊ะ) เสียชีวิตลงอย่างสงบที่บ้านพัก ในวันที่ ๗  สิงหาคม ๒๕๕๕ หลังเข้ารักษาอาการป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคไตที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มานานกว่า 1 ปี โดยก่อนสิ้นใจได้ฝากผู้ใกล้ชิดให้ดูแลต้นจำปาดะหลังบ้านที่มีอายุกว่า 100 ปี ให้ดี และให้นำผลจำปาดะไปถวายในหลวง ดั่งที่ตนเองเคยปฏิบัติทุกปี

สิงห์เหนือเสือใต้ ๒พระสหายและผู้ที่ร่วมงานตามพระราชกรณียกิจจนใครๆก็ปลื้มใจแทน

ติดตามข่าวต่อเนื่องได้จาก : จำได้ไหม? ชายชรานุ่งโสร่ง ไม่ใส่เสื้อ ที่พูดตอบคำถามกับนายหลวง รัชกาลที่๙ จนพระองค์มีความพอพระราชหฤทัย และทรงเรียกเขาว่า "พระสหายแห่งสายบุรี" นายวาเด็ง ปูเต๊ะ

ที่มา : http://news.muslimthaipost.com/news/27315

         http://news.muslimthaipost.com/news/27315

ข่าวโดย :  กิตติ ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์