สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://www.tnews.co.th

ขอเชิญเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จมาทรงประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
บรรจุพระบรมสาริกธาตุและพระอัฐธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  ณ วัดภูทัตตถิราวาส (วัดป่าหนองผือนาใน) บ้านหนองผือ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
วันศุกร์ ที่ 7 เมษายน 2560 เวลา 17.00 น.

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

ความเป็นมาของวัด


เมื่อครั้งที่องค์หลวงปู่มั่นพำนัก ณ เสนาสนะป่าบ้านห้วยแคน ขณะนั้นท่านพระอาจารย์หลุย ( หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ) จำพรรษาอยู่ที่ บ้านหนองผือนาใน พระอาจารย์หลุยได้แนะนำชาวบ้านหนองผือให้อาราธนาหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่นี่ ชาวบ้านจึงได้เดินทางไปอาราธนาหลวงปู่มั่น ณ บ้านห้วยแคน ท่านจึงได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านหนองผือในเวลาต่อมา ติดต่อกันเป็นเวลาถึง ๕ พรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๘ - ๒๔๙๒

ในอดีตองค์ท่านไม่เคยจำพรรษาซ้ำที่ไหนเป็นปีที่ ๒ เลย การที่ท่านจำพรรษาที่นี่นานเป็นพิเศษนั้น พระอาจารย์วิริยังค์ได้บันทึกถึงสาเหตุไว้ในหนังประวัติพระอาจารย์มั่นไว้ดังนี้


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

(กุฏิพระอาจารย์มั่น)

" ... ในการที่ท่านอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือนี้ มีความประสงค์เพื่อให้บรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่เข้ามาศึกษา เป็นการเปิดโอกาสแก่บรรดาพระภิกษุสามเณร และเพื่อให้เข้าใจในธรรมยิ่งๆ ขึ้น กับทั้งการแสดงธรรมนั้นยังความชื่นชมและแก้ความสงสัยให้อย่างไม่มีข้อแย้ง ซึ่งคล้ายกับว่าท่านจะรู้จักกาลแห่งสังขารธรรมจักอยู่ไปไม่ได้นาน ใคร่จะสอนให้แก่บรรดาศิษย์เป็นผู้เข้าใจในธรรมอันควรที่จะพึงรู้พึงเข้าใจ สืบแทนท่านได้เป็นหลักฐานแก่คณะกัมมัฎฐานต่อไป ... เมื่อท่านพระอาจารย์มั่นได้พักอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือตลอดระยะเวลา ๕ ปี ก็มีประโยชน์ที่ได้วางแผนงานขั้นสุดท้ายให้แก่คณานุศิษย์และพระคณาจารย์ของท่าน ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการเป็นทายาทของท่านอย่างยิ่ง ... "

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

(ศาลาโรงฉันหลวงปู่มั่น)

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

สภาพวัดป่าบ้านหนองผือในสมัยนั้น หลวงพ่อชา สุภัทฺโธได้เล่าถึงบรรยากาศในช่วงที่ท่านมาศึกษาธรรมปฏิบัติกับองค์หลวงปู่มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือไว้ในหนังสือ " ใต้ร่มโพธิญาณ " ดังนี้

"...ที่ผมได้ความรู้ความฉลาด จนได้มาแบ่งปันพวกท่านทั้งหลายนั้น ก็เพราะผมได้ ไปกราบครูบาอาจารย์มั่น...

ไปพบท่าน แล้วก็เห็นสภาพวัดวาอารามของท่าน ถึงจะไม่สวยงาม แต่ก็ สะอาดมาก พระเณรตั้งห้าสิบหกสิบ เงียบ! ขนาดจะถากแก่นขนุน (แก่นขนุนใช้ต้มเคี่ยว สำหรับย้อมและซักจีวร) ก็ยังแบกเอาไปฟันอยู่โน้น.. ไกล ๆ โน้น เพราะกลัวว่าจะ ก่อกวนความสงบของหมู่เพื่อน...

พอตักน้ำทำกิจอะไรเสร็จ ก็เข้าทางจงกรม ของใครของมัน ไม่ได้ยินเสียง อะไร นอกจากเสียงเท้าที่เดินเท่านั้นแหละ 
บางวันประมาณหนึ่งทุ่ม เราก็เข้าไปกราบท่านเพื่อฟังธรรม ได้เวลาพอ สมควรประมาณสี่ทุ่มหรือห้าทุ่มก็กลับกุฏิ เอาธรรมะ ที่ได้ฟังไปวิจัย... ไปพิจารณา

เมื่อได้ฟังเทศน์ท่าน มันอิ่ม เดินจงกรมทำสมาธินี่... มันไม่เหน็ดไม่เหนื่อย มันมีกำลังมาก ออกจากที่ประชุมกันแล้วก็เงียบ! บางครั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เพื่อนเขาเดิน จงกรมอยู่ตลอดคืนตลอดวัน จนได้ย่องไปดูว่าใครท่านผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงเดินไม่หยุดไม่พัก นั่น... เพราะจิตใจมันมีกำลัง..."

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

(อัฐิธาตุหลวงปู่มั่น)

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 จะเสด็จประกอบพิธียกฉัตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น...ตามรอยหลวงปู่มั่น! กับ "วิทยาลัยพระป่า" ยุคแรกในประเทศไทย!

จึงถือได้ว่าวัดป่าบ้านหนองผือในสมัยนั้นเปรียบดั่งมหาวิทยาลัยแห่งพระพุทธศาสนา โดยมีองค์หลวงปู่มั่นเป็นพระอาจารย์ใหญ่ มีหลักสูตรคืออริยมรรคและธุดงควัตร มีกฏระเบียบคือพระธรรมวินัย ข้อวัตรต่างๆ มีปริญญาคือความพ้นทุกข์เป็นหลักชัยตามแนวทางแห่งพระบรมครูพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรดาพระอาจารย์ท่านต่างๆ ที่ได้หลั่งไหลมาศึกษา ณ วัดป่าบ้านหนองผือนี้ ก็คือครูบาอาจารย์พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระอริยสัจธรรมในเวลาต่อมานั่นเอง

***************

เครดิตภาพประกอบจาก : http://luangpumun.org

 

ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)