“อวสานของกบฏผีบุญ”ตามที่นิยามเวลาที่สิริอัญญาบอกเป็นเช่นไร แถมยังตอบคำถามว่า “วิชชาธรรมกายมีอยู่จริงไหมในพุทธบัญญัติ” มาอ่านกันดู?

วันนี้ใน FB "Paisal Puechmongkol" สิริอัญญาได้โพสเรื่องที่น่าสนใจเรื่อง“อวสานของกบฏผีบุญ”มีรายละเอียดว่า

หลังจากตั้งตนเป็นรัฐอิสระ ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของคณะสงฆ์ และไม่ดำรงพรหมจรรย์ตามพระธรรมวินัยของพระสมณโคดมพุทธเจ้า และชักคะเย่อกันอยู่นาน มาถึงวันนี้ก็กล่าวได้ว่าอวสานของลัทธิลวงโลกมาถึงแล้ว

ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่า ที่พยายามเรียกขานวัตรปฏิบัติของตนว่าเป็นวิชชาธรรมกายนั้นเป็นสิ่งลวงโลก เพราะวิชชาธรรมกายไม่มีในพระพุทธศาสนา

สิ่งที่เรียกว่าวิชชาในพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่สามวิชชาเท่านั้น คือ บุพเพนิวาสานุสติญาณ คือญาณหยั่งรู้อดีต อย่างหนึ่ง, จุตูปปาตถญาณ คือญาณหยั่งรู้อนาคต และการเกิดของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย อย่างหนึ่ง และอาสวัคคยญาณ คือญาณหยั่งรู้ถึงความหลุดพ้นและการเข้าถึงซึ่งวิมุตตะมิติหรือนิพพาน อีกอย่างหนึ่ง

วิชชาทั้งสามนี้เป็นวิชชาที่พระบรมศาสดาทรงตรัสรู้เมื่อวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 6 ในปีที่ 45 ก่อนพุทธปรินิพพาน ไม่มีวิชชาธรรมกายในพระศาสนานี้

 

 

ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :๓ประเด็นที่ต้องชัดเจนและเร็วไว หลังถอดถอนสมณศักดิ์ พระธัมมชโย!... “ไพศาล พืชมงคล”เสนอมาเพื่อถามหาคนที่จะกล้าจัดการลัทธิอลัชชีให้สิ้น!!!

และสิ่งที่เรียกว่าธรรมกายนั้น ก็เป็นเพียงสภาวธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับจิตหรือจิตได้บรรลุถึงแล้ว เป็นขั้นเป็นลำดับไป คือนามกาย ทิพยกาย ธรรมกาย โดยสิ่งที่เรียกว่าธรรมกายนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าคือกายของพระองค์ เป็นกายของธรรม ไม่ใช่เป็นกายเนื้อ เพราะตั้งแต่นามกายขึ้นไปไม่ใช่เรื่องของกายเนื้อ แต่เป็นเรื่องของกายธรรม ที่จิตได้บรรลุถึงเป็นขั้นเป็นตอนไป

การเอาคำว่าวิชชา ซึ่งมีอยู่เพียงสามวิชชาในพระพุทธศาสนามามั่วเข้ากับคำว่าธรรมกาย จึงเป็นการจงใจลวงโลกว่าเป็นอีกวิชชาหนึ่ง เป็นอีกสิ่งหนึ่ง เป็นอีกกายหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องนอกพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องเดียรถีย์นอกพระพุทธศาสนา

และสิ่งที่หลอกลวงสอนกันว่าเป็นวิชชาธรรมกายนั้นก็ไม่ใช่แบบแผนการอบรมสั่งสอนในการปฏิบัติทางจิตในพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องนอกศาสนา เป็นเรื่องลวงโลก

แบบแผนการฝึกฝนอบรมปฏิบัติในทางจิตที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนนั้นมีเพียง 36 แบบแผนวิธี และต่อมาเมื่อครั้งที่สำนักวิมุตติมรรครุ่งเรืองขึ้นในโลกก็ได้เพิ่มเติมขึ้นเองอีก 2 วิธี โดยเอาสภาวธรรมของรูปฌานหนึ่งและรูปฌานสามมาอวดอ้างว่าเป็นแบบแผนวิธีปฏิบัติ จึงทำให้สำนักนี้กล่าวอ้างว่ามีแบบแผนวิธีปฏิบัติ 38 แบบแผนวิธี

ครั้นสำนักวิสุทธิมรรครุ่งเรืองขึ้นในโลก ก็เพิ่มแบบแผนวิธีขึ้นอีกสองวิธีตามความนึกคิดของตน โดยนำเอาสภาวธรรมของรูปฌานที่สองและรูปฌานที่สี่มาถือเอาเองว่าเป็นแบบแผนวิธีฝึกฝนอบรมจิตด้วย

ซึ่งการกำหนดเอาเองเช่นนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากที่ทรงบัญญัติไว้ เพราะสภาวธรรมของรูปฌานทั้งสี่ก็เช่นเดียวกันกับสภาวธรรมของอรูปฌานสี่ ถ้าหากโมเมถือเอาสภาวธรรมแห่งรูปฌานสี่เป็นแบบแผนปฏิบัติแล้ว ไฉนเล่าจึงไม่เอาสภาวธรรมในอรูปฌานสี่มาเป็นแบบแผนวิธีด้วย

เพราะยึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ไม่ยึดมั่นในธรรมและวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอน ทั้งสองสำนักนี้จึงแรงไปด้วยอัตตา และในที่สุดก็ทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน จนฆ่ากันตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลที่เกิดขึ้นเช่นนั้นก็บอกชัดอยู่ในตัวว่านั่นไม่ใช่วิถีแห่งพระพุทธศาสนา

ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :"อุ๋ย"นักร้องคนดังวง “Buddha Bless” ทำโซเชียลร้อนฉ่า หลังออกมาโพสว่า "ธรรมกายบิดเบือนคำสอนพุทธศาสนา"!!!

การฝึกฝนปฏิบัติของธรรมกายไม่ใช่แบบแผนในการฝึกฝนปฏิบัติ 36 แบบแผนวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน และย่อมไม่ใช่แบบแผนวิธีที่สำนักวิมุตติมรรคหรือสำนักวิสุทธิมรรคยึดถืออีกด้วย และแท้จริงก็เป็นแค่การสะกดจิตหมู่หรือการหลอกลวงเท่านั้น

ดังเช่น การบอกให้หลับตาแล้วถามว่าใครเห็นดวงแก้วที่บริเวณทรวงอกบ้าง ต่างคนต่างก็บอกว่าเห็น ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จในการฝึกฝนอบรมแล้วชื่นชมกันว่าคนนั้นบรรลุ คนนี้บรรลุถึงธรรมอันสมควรแก่ตนแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความจริงก็มีผู้เปิดเผยว่าไม่ได้เห็นอะไรเลย เพราะการที่เอาคนไปนั่งเป็นร้อยเป็นพันแล้วพูดให้ฟัง โดยคนฟังนั่งหลับตานั้นไม่ใช่แบบแผนการฝึกฝนอบรมจิตในพระพุทธศาสนา

เป็นเรื่องนอกพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องลวงโลกและหลอกลวงกันเอง

ดังตัวอย่างแบบแผนที่พระพุทธเจ้าสอนในการทำสมาธิ ก็ทรงบอกถึงการเตรียมตัวในการทำสมาธิ โดยเฉพาะอิริยาบถ ซึ่งทรงสรรเสริญการนั่ง

ทรงตรัสสอนว่า”ให้นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เมื่อหายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก เมื่อหายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้นก็รู้ว่าหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น จากนั้นก็ทรงสอนให้สำเหนียกรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก ให้สำเหนียกรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า แล้วทรงตรัสสอนให้ทำกายสังขารให้สงบ รำงับหายใจออก ทำกายสังขารให้สงบรำงับหายใจเข้า”

นี่คือตัวอย่างของการสอนขั้นต้นของการทำสมาธิแบบอานาปานสติ
สิ่งลวงโลกนั้นไม่สามารถดำรงอยู่ได้นาน ไม่สามารถต้านทานสัจจะ และไม่สามารถทนทานต่อการพิสูจน์ได้ วันนี้เมื่อพระธรรมเบิกฟ้า พระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนกึกก้องขึ้น ก็ทำให้ของลวงโลกปรากฏชัดขึ้นต่อสายตาประชาชน

เพราะเหตุนี้การอวสานของลัทธิลวงโลกจึงต้องมาถึงเป็นธรรมดา!

แล้วเหตุผลเช่นนี้คงอธิบายได้ว่าทำไม“อวสานของกบฏผีบุญ”ของสิริอัญญามันเป็นเวลาที่ใกล้มาทุกขณะแล้ว

ที่มา FB "Paisal Puechmongkol"

ข่าวโดย :  กิตติ ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์