- 08 มี.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
สนธิญาณ : กระแสเรียกร้องมาตรา 44 นะครับ ได้กระจายออกไปเรื่อยๆ ก็ต้องตอกย้ำนะครับว่ากระแสที่กระจายออกไปนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการหรือความรู้สึกจริงๆในการเรียกร้อง เป็นกระบวนการการจัดตั้งในการทำงาน ก็เป็นเรื่องที่เรียกร้องไปแล้ว ข่าวสาร ในแง่การรายงานของสื่อก็รายงานออกไปเรื่อยๆ แต่มีอีกประเด็นหนึ่งนะครับที่นอกเหนือจากการเรียกร้องให้เลิกใช้มาตรา 44 ที่วัดพระธรรมกายที่กำลังกลายเป็นกระแสกลายๆ มันก็มีกระแสที่สวนทางบอกว่า ให้เอามาตรา 44 เนี่ยนะฮะ ไปใช้ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซะบ้างซิ ไปโน่นนะฮะ กระแสอย่างนี้เกิดขึ้น ผมก็เรียนว่าเช่นเดียวกันล่ะครับ มาจากการจัดตั้งของวัดพระธรรมกาย ที่ได้เปิดกระแสนี้นะครับ เปิดกระแสนี้ขึ้นมาแล้วก็ตามติดด้วย เจ้าหน้าที่จะมาคุมวัดไว้ทำไมนะ โน่น เอาไป 3 จังหวัดชายแดนใต้โน่น ไปรักษาความสงบเรียบร้อย ไปดูแลประชาชน ผมก็เปิดประเด็น ก็เปิดประเด็นขึ้นมา สิ่งที่ผมกำลังจะพูดก็คือว่า สื่อทั้งหลายก็กลายเป็นเหยื่อของกระแส เหยื่อทั้งหลายก็ไป เหยื่อที่เป็นเหยื่อของกระแส เอาเรื่องนี้ ก็ไปถามผู้มีอำนาจอะ ไม่ว่าจะเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นพลเอกประวิตร ก็ไปถาม เอ้ามันเป็นแบบนี้นะครับ นั่นก็แสดงว่ากระแสที่กระบวนการการจัดตั้งวัดพระธรรมกายพยายามทำให้เกิด ก็ได้ผลแล้ว นะครับ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าตอนนี้ชัดเจนแล้วนะครับ ที่พลเอกประยุทธ์ตอบมาเนี่ยนะครับว่า ไอ้การเอามาตรา 44 ไปแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เนี่ย มันไม่มีความจำเป็นนะครับ ย้ำนะ ไม่มีความจำเป็น เหตุผลเพราะอะไร เหตุผลก็เพราะว่าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เนี่ยมีพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พรก.ฉุกเฉินเนี่ย บังคับใช้อยู่แล้วนะ หรือว่าจะเอาแบบนั้น หรือว่าจะเลิกมาตรา 44 ที่วัดพระธรรมกาย แล้วเอา พรก.ฉุกเฉินมาใช้ ให้อำนาจกับทหารเต็มที่เลย ไม่ต้องให้ดีเอสไอมาดำเนินการโน่นนี่นั่นอีกแล้ว หรือจะเอาแบบนั้น ผมว่าสถานการณ์อันนึงเนี่ยนะฮะ มันก็น่าสนใจนะ มันถึงเวลาที่ต้องคิดแบบนี้แล้วหรือยัง เพราะว่าการเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่ายศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายและการตัดสินใจของพระธัมมชโย ตอนนี้มันเข้าเกณฑ์ของภัยความมั่นคงชัดเจนน่ะครับ เหมือนผมได้เรียนน่ะครับว่า แน่นอนฮะ จับตาดูในการตั้งเจ้าอาวาสไปแทนวัดพระธรรมกายเนี่ย ไปแทนรักษาการพระทัตตชีโวในปัจจุบันเนี่ย เพราะวันนี้นับเพลงเพลิงอะไรออกมาโน่นนี่นั่นยันวัดของเรา วัดของเรา ไม่มีวัดของเราครับ ทำบุญแล้ว ปล่อยเลยออกจากตัวเอง ใครที่สร้างอะไรแล้ว ปล่อยเลยออกจากตัวเอง เป็นแบบนั้น อาจจะต้องพูดตัวเองนิดนึงนะครับ เคยสร้างวัดเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่เคยสร้างนะครับ ผมสร้างสถานปฏิบัติธรรมนะครับ ที่ดินไม่เยอะไม่มากเท่าธรรมกายหรอกครับ 50 ไร่ สร้างสถานปฏิบัติธรรมชื่อสถานปฏิบัติธรรมที่อยู่ภายใต้มูลนิธิเนี่ยชื่นฤทัยในธรรมนะ นามสกุลผม พูดเรื่องตัวเองนิดนึง จะได้ให้เห็นภาพชัดเจนกัน นะครับ แต่วันหนึ่ง ผมก็ถวายสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นของมูลนิธิชื่นฤทัยในธรรมให้กับพระพุทธศาสนา ผมก็คิดได้เหมือนกัน ว่าสิ่งที่ผมควรจะทำเนี่ย วัดไม่ควรชื่อที่เกี่ยวข้องกับนามสกุลผม นะครับ ครูบาอาจารย์ท่านก็ตั้งชื่อวัดให้ กลายเป็นชื่อวัดพุทธเมตตาศรีธรรมาราม ทำไมแบบนี้ ผมก็พูดประชุมกับบรรดาญาติพี่น้อง ลูกหลาน บอกเราถวายแบบนี้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา ไม่ได้เป็นสมบัติของตัวเอง ไม่ได้เป็นสมบัติของตระกูลชื่นฤทัยในธรรม อย่าไปติดยึด อย่าไปคิดว่าเป็นของเรา เพราะเวลาพระพุทธเจ้าสอนให้ทำทานเนี่ยนะฮะ เรียกว่าจาคะ ให้ไปเพื่อตัดกิเลสของตัวเอง ไม่ใช่มาสร้าง มากลายเป็นอาณาจักรของตัวเอง กลายเป็นทรัพย์สินของตัวเอง ไม่ใช่นะครับ เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เป็นทรัพย์สินของทางราชการ มาดูตรงนี้แหละครับ หลังจากนั้นการสร้างกระแสนะครับ เรื่องเอามาตรา 44 ไปใช้ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราสังเกตุอะไรอันหนึ่งไหมครับว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้เนี่ยนะฮะ มีพระขึ้นมาช่วยประท้วงวัดพระธรรมกายเยอะนะ เคลื่อนไหวกันเยอะ เพราะอะไรล่ะครับ เพราะวัดพระธรรมกายเป็นผู้ที่ส่งพระและให้กำลังสนับสนุน เสบียงสนันสนุน ฟังดูก็เหมือนดีนะ ฟังดูก็เหมือนดี เป็นการสร้างอิทธิพล คล้ายๆศึกนี้ อิทธิพลก็มาใช้ย้อนเพื่อพระธัมมโช เพื่อวัดพระธรรมกาย โดยไม่ได้คำนึงนะครับ สิ่งที่เรียกร้องว่าเอามาตรา 44 ไปใช้เนี่ยนะ ว่าจะเกิดผลอะไรขึ้น คิดแต่เรื่องตัวเอง ไม่ได้คิดเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง 3 จังหวัดชายแดนใต้เนี่ยผมเรียนท่านผู้ชมอย่างนี้นะครับ สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับนะครับ ดีขึ้นตามลำดับไม่ใช่เพราะผมอวยพลเอกประยุทธ์หรอก จะเปรียบเทียบให้ฟังสมัยทักษิณ ฝ่ายความมั่นคงก็บอกว่ามีพื้นที่สีแดง สีชมพู กับสีเขียว ทักษิณก็ประกาศเลย สีแดงเนี่ย สีชมพูไม่ต้องให้งบประมาณมันไปนะ ให้แต่พื้นที่สีเขียว ที่เป็นพื้นที่เรา เหมือนกับที่เคยประกาศว่าจังหวัดไหนไม่เลือกเราก็ไม่ต้องจัดงบให้ ดูแลจังหวัดที่เลือกเรา ความคิดคับแคบยึดตัวเอง เชื่อมโยงเป็นอันเดียวกันหมดล่ะครับ ความหมายในวันนี้นะครับ การขยับของพื้นที่ต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เนี่ยดีขึ้นมาตามลำดับ เพราะอะไรฮะ เพราะการทำงานทางการเมือง การพยายามทำความเข้าใจ เข้าใจกับใคร เข้าใจเข้าถึงพัฒนาครับ ไม่ได้ไปอ้างนะครับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ แต่ชัดเจนว่าหลังจากที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เดินเข้ามาแล้วเป็นแบบนี้ พอมันเป็นแบบนี้นะมันพิสูจน์ความจริงใจ ในขณะนี้นะครับใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เนี่ยนะครับ เกิดการเจรจาทางด้านการปฏิบัติที่ดำเนินการจริง ไม่ใช่ไปสร้างภาพทางการเมืองนะ ก่อนหน้านี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปทำ ทักษิณไปล็อบบี้โจรอยู่เอง แล้วก็กลายเป็นเครื่องรองรับการขยายอุดมการณ์ของโจร วันนี้ไม่ใช่ วันนี้เปิดใจ พูดกันในสิ่งที่เป็นการแก้ไขกันหา ก็มีการเจรจากลุ่มมาราปาตานี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พูดกันดีไหม พูดกันดี เลือก 5 จังหวัด เลือก 5 อำเภอมา ในการที่จะทำงานให้กลายเป็นพื้นที่ ที่เราเรียกว่า Safety Zone นะครับ คือพื้นที่แห่งความปลอดภัย แล้วก็เลือกขึ้นมา 1 อำเภอก่อนทั้งสองฝ่ายร่วมกันทำงาน วิเคราะห์ประเมินผล หลังจากได้ผลแล้วจะขยายเป็น 5 อำเภอ ถ้ามันได้ 5 อำเภอ ต่อไปก็ขยายได้หมด การทำงานของทั้งสองฝ่ายแบบนี้ลงในภาคปฏิบัติ ทุกฝ่ายไม่ได้ไปตีฆ้องร้องป่าว หรือประกาศความสำเร็จของตัวเอง ก็พูดกันไปตามลำดับ เรื่องเดินมา การเดินมาก็ต้องเรียนนะครับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มันเกิดขึ้นจากโจรกลุ่มเล็กๆ นะครับ แน่นอน โจรกลุ่มนี้ก็ต้องการเรื่องอุดมการณ์ คุณยุคล แต่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจด้วย ไม่ได้คิดด้วย เพราะฉะนั้นยิ่งไปตอกย้ำ ยิ่งที่ให้เกิดความแตกแยกในศาสนา มันยิ่งทำให้ประเทศชาติเสียหาย ดังนั้นเนี่ยนะครับ วันนี้เนี่ยยิ่งเคลื่อนไหวนะครับ ยิ่งกลายเป็นภัยความมั่นคง และผมก็คิดว่า ถึงเวลาจริงๆ ที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด นะครับ ก็ฝากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะ คสช. พิจารณาเถอะครับ คนส่วนใหญ่สนับสนุนท่านอยู่
