ทำไมบุญไม่รักษา??!! "อนันต์ และครอบครัวอัศวโภคิน" เพราะความลุ่มหลงเป็นเหตุ ..เป็น"มิจฉาทิฏฐิ"ผิดจากทำนองคลองธรรม??!!

ทำไมบุญไม่รักษา??!! "อนันต์ และครอบครัวอัศวโภคิน" เพราะความลุ่มหลงเป็นเหตุ ..เป็น"มิจฉาทิฏฐิ"ผิดจากทำนองคลองธรรม??!!

ยังเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่องสำหรับกรณีการจับกุมตัวพระธัมมชโย โดยหลังจากการบุกค้นวัด ก็พบข่าวฉาวและเรื่องราวผิดกฏหมายมาเป็ยระยะๆ และสำหรับนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของ บริษัทเครือ “แลนด์แอนด์เฮ้าส์” และศิษย์เอกธรรมกาย โดยปกติก็เป็นบุคคลมีฐานะร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคม เพราะฉะนั้นคงไม่ได้มีความคิด หรือรู้เห็นในทางทุจริตแต่อย่างใด ซึ่งน่าจะมีเจตนาแต่ต้นคือการตั้งใจจะทำบุญ กับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายทั้งสิ้น เห็นได้จากการที่ออกมาพูดชักชวนให้เหล่าบรรดาลูศิษย์วัดพระธรรมกาย ควักเงินออกมาทำบุญ ที่เป็นโจษขานกันคือ "ปิดบัญชีทางโลก เปิดบัญชีทางธรรม"  เป็นที่เห็นได้ชัด แต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ความหลงอีกอย่างหนึ่งและ ความหลงนี่เอง ก็คือ "มิจฉาทิฏฐิ" หมายถึง ความเห็นผิดจากความเป็นจริง หรือผิดจากทำนองคลองธรรม

 

 

 

 

 

และสิ่งที่เราเห็นได้ถัดมา การที่ยืนมือเข้าช่วยเหลือนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน ฟอกเงิน และรับของโจร โดยทั้งๆที่รู้ว่านายศุภชัยโกงเงิน โดยDSI ได้เปิดเผยถึงเจ้าของโฉนดที่ดินบริเวณโซน D ที่ตั้งอาคารบุญรักษา จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ คือทายาทสาวตระกูลอัศวโภคิณ ซึ่งครอบครองโฉนดทั้ง 8 แปลง ในวันเดียวกันคือ 7 มิ.ย. 56 เป็นการซื้อต่อมาจาก นายศุภชัย

ปี 2556 หลังถูกแจ้งความดำเนินคดี ยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง นายศุภชัย กำลังถูกสอบสวน คดีจวนจะยึดอายัดทรัพย์รอมร่อ ปรากฏเอกสารว่า นายศุภชัย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดิน 8 แปลง รวมเนื้อที่ 57 ไร่ โดยขายให้แก่ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวของ นายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ดูแลโครงการก่อสร้างของมหาอาณาจักรธรรมกาย ระบุราคาตกลงซื้อขาย 298 ล้านบาท ที่ดินทั้งหมด ระบุไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีการเช่า ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ปรากฏว่าจ่ายเงินกันจริง !

หนังสือสัญญา ลงวันที่ 7 มิ.ย. 2556 ปรากฏเลขที่โฉนดเสร็จสรรพ เอกสารซื้อขายที่ดินจากนายศุภชัย ระบุว่า วันที่ 7 มิ.ย. 56 ขณะนั้น นายศุภชัย ถูกสอบสวนคดียักยอกทรัพย์ และฉ้อโกงแล้ว หลังการซื้อขายที่ดินแค่ไม่กี่สัปดาห์ คณะกรรมการธุรกรรม มีมติยึดอายัดทรัพย์ของนายศุภชัย อย่างฉิวเฉียด

 

นี่ก็คือการขาดสติ ความหลงทำให้ขาดสติ คิดว่าการที่นำลูกมาช่วยเป็นการทำบุญ แต่กลับไม่ใช่และล่าสุดที่กำลังเป็นข่าวฉาวอีกรอบนั้นก็คือการนำเงินบริจาควัดพระธรรมกายนับพันล้าน ถูกโยกไปเปิดบัญชีผ่าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ซื้อขายหุ้นกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์-โฮมโปร-แบงก์แลนด์ จะจริงไม่จริงก็ต้องรอการพิสูจธ์ต่อไป

และนี่คือสิ่งที่พัวพันมาสำหรับผลที่นายอนันต์ และคนในตระกูลอัศวโภคิ กำลังเผชิญ เพราะฉะนั้นมีคำถามอยู่มากมาย คนเหล่านี้ทำบุญมาก "ทำไมบุญจึงไม่รักษา" ..โดยต้องแยกส่วนกันบุญก็คือบุญ แต่ในส่วนของมิจฉาทิฏฐิที่ทำลงไป ทำให้เกิดคามเสียหาย ล้วนจะต้องรับผลแห่งกรรมตามปกติทั่วไป นี่เป็น สัจธรรมของชาวพุทธ
 
"กรรม" คือ กฎของเหตุและผล นั่นคือ "เหตุ" ที่ได้กระทำนำมาซึ่ง "ผล" ที่ต้องได้รับ และ"ผล" ที่ได้รับอยู่ในขณะนี้แสดงถึง "เหตุ" ที่เคยกระทำไว้แต่ก่อน
 
มันเป็นเรื่องที่ ธรรมดามาก เหมือนกับที่ เราเพาะปลูกเมล็ดมะม่วง ต่อมาเราก็ได้รับต้นมะม่วงและเมื่อเราเห็นต้นมะม่วงโตเราก็จะย่อมรู้ได้ว่า มันมาจากเมล็ดมะม่วง เช่นเดียวกัน ถ้าคนเราทำแต่สิ่งที่ดีๆ มาตลอดชีวิต ในชีวิตหน้าเราก็จะพบชีวิตที่สุขสบาย ในทางตรงกันข้ามหากคนที่ทำแต่ความชั่วมาตลอดชีวิตต่อไปในภายหน้าเขาก็ต้อง ประสบแต่ความทุกข์ยากลำบาก ต้องตกไปอยู่ในสภาพที่ไม่พึงปรารถนา
 
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค๓- หน้าที่ ๒๙๓  

     “ท่านอย่าได้ทำบาปนะ บาปใดอันท่านทำไว้ บาปนั้นจะเผาผลาญท่านในภายหลัง,
บุรุษทํากรรมเหล่าใดไว้ทางกายทวาร วจีทวาร และมโนทวาร เมื่อเขากลับได้ผลของกรรมนั้น ย่อมพบกรรมเหล่านั้นเองในตน ผู้ทำกรรมดีย่อมเสวยผลดี แต่ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมเสวยผลชั่วช้าลามก ไม่น่าปรารถนา, แท้จริง แม้ในทางโลก บุคคลหว่านพืชเช่นใดไว้ ย่อมนำไปซึ่งพืชนั้น คือ ย่อมเก็บผล ได้รับผล เสวยผลอันสมควรแก่พืชนั้นเอง”

(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก จุลลนันทิยชาดก)
 
 
 
เรียบเรียง วิลาสินี แววคุ้ม