เด็ดขาดตามสไตล์ทหาร!!! "บิ๊กเจี๊ยบ" ลั่น "คดีลาหู่"  ลูกน้องผิด-ไม่มีอุ้ม ยันเห็นภาพวงจรปิดแล้ว-แต่ไม่ขอก้าวก่ายเป็นเรื่องของคดี

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

เด็ดขาด-ตรงไปตรงมา!!! "บิ๊กเจี๊ยบ" ลั่น"คดีลาหู่" หากพบลูกน้องผิด-ไม่มีอุ้ม  หากทหารทำเกินกว่าเหตุ ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย แต่ตราบที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินก็ไม่ควรกล่าวหาใคร ยันเห็นภาพวงจรปิดแล้ว แต่ไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องทั้งหมด  หากเปิดให้หลายคนดูอาจเกิดปัญหามองต่างมุมได้ ทุกอย่างควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

 

วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ออกมาเปิดเผยกรณีทหารวิสามัญ "นายชัยภูมิ ป่าแส" นักกิจกรรมชาวลาหู่ที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า กระทำเกินกว่าเหตุว่า คดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งได้ชี้แจงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแล้วว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว โดยคดีดังกล่าวได้แยกเป็น 2 คดีโดยกองทัพบกพร้อมทำหน้าที่ หากผู้ใต้บังคับบัญชาของตนกระทำการเกินกว่าเหตุ ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชี้แจงนั้น ตนคิดว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินลงมาก็ไม่ควรกล่าวหาว่าใครเป็นอย่างไร ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการกองทัพภาคที่ 3 เป็นการสอบสวนคู่ขนานเมื่อสังคมเกิดความสงสัย  อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะกรรมการได้รายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นมาให้ตนรับทราบแล้ว แต่ไม่ควรพูด เพราะจะเป็นการชี้นำคดีและคิดว่าไม่จำเป็นต้องนำผลสรุปของคณะกรรมการดังกล่าวไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
                

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องให้เปิดเผยภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด  แต่ตอนหลังกลับนำภาพดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ได้พูดว่าให้เปิดเผยหรือไม่เปิดเผย แต่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานประกอบคดี ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิจารณาเปิดเผยหรือไม่ ตนไม่มีปัญหา 

และตนไม่สนใจกระแสที่จะให้เปิดภาพ เพราะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ไม่ขอก้าวก่าย ทั้งนี้ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว และเห็นว่าไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด 


"หากมีการเปิดให้หลายคนดูก็เกรงว่าจะเกิดปัญหาต่างคนต่างมองประเด็นที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ไม่มีความสงสัยอะไร ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป อย่าใช้กระแส และตนจะไม่ไปแทรกแซงหรือสั่งเขาว่าให้ดูหรือไม่ให้ดู" ผบ.ทบ. ระบุ

 

ส่วนกรณีที่สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องกับผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบจริยธรรม พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 หลังออกมาพูดว่า “ถ้าเป็นผม ผมอาจกดออโต้ไปแล้วก็ได้" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบ แต่ตนก็เข้าใจแม่ทัพภาคที่ 3 ที่พูดแบบนั้น หมายความว่าลูกน้องมีวินัย และฝึกมาดีจึงยิงไปแค่นัดเดียว ถ้าเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ก็อาจจะหลุดออโต้ออกไป โดยพยายามสื่อว่าลูกน้องฝึกมาดี แต่เมื่อมีการตัดประโยคนี้ออกไปก็ทำให้ดูเป็นคนก้าวร้าวและรุนแรง 

 

"ลักษณะนี้อยู่ที่การตีความ ตนคิดว่าสังคมเข้าใจแม่ทัพภาคที่ 3 ว่าคิดอะไร บางครั้งอยู่หน้ากล้องสื่อมวลชนอาจรู้สึกตื่นเต้นคิดจะพูดอีกแบบ แต่อาจพูดไม่ครบก็ไปเข้าล็อคจนเกิดการตีความ แต่ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 3ก็ยอมรับสิ่งที่พูดว่าเจตนาแบบหนึ่ง แต่เมื่อสังคมสงสัยแบบหนึ่งก็สามารถดำเนินการได้ ตนได้บอกว่าการมาอยู่ตรงนี้เรื่องการพูดจาต้องระมัดระวัง เพราะบางทีความจริงใจอาจใช้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์
" ผบ.ทบ. ให้ความเห็นทิ้งท้าย

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews