- 28 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/
สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ วันนี้วันที่ 28 มี.ค. 2560 เมื่อวาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ปิโตรเลียม บางมาตรา ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 30 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ประเด็นที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมาคัดค้านต้องถือเป็นประเด็นร้อน นั่นก็คือกล่าวหาว่ากรรมาธิการวิสามัญสอดไส้จะตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นมา โดยเพิ่มเติมเข้าไปในมาตรา 10 เป็น มาตรา 10/1 ความหมายของคำว่าสอดไส้เฉยๆ อาจจะยังไม่รุนแรง ไม่เท่ากับว่ามีทหาร 6 คนอยู่เบื้องหลังที่ต้องการจะข่มบรรษัทน้ำมันแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งได้ลำดับความให้ฟังว่า...
"ในขณะที่ตนเองยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น ในการร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ดังกล่าว เมื่อคณะกรรมการกฤษฏีกาได้พิจารณาร่างเสร็จแล้ว เมื่อเดือน ก.ค. 2558 และเสนอในที่ประชุมครม. วันที่ 4 ส.ค. 2558 ที่ประชุมก็ได้มีมติเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อตราเป็นกฏหมายออกมาใช้ ที่น่าแปลกใจคือทันทีที่ครม.มีมติดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้บอกตนว่า ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขอให้ตนชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการพลังงาน
ตนได้ปฏิบัติตามด้วยการเชิญคณะกรรมาธิการดังกล่าวมาสนทนาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ผู้ที่มาพบตนมี 7 คน ปรากฏเป็นอดีตนายทหารระดับสูงถึง 6 คน เมื่อชี้แจงแล้วได้รับคำตอบว่าไม่ขัดข้องแต่เห็นว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังขาดไปอีก 1 เรื่อง คือการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ทำให้ตนประหลาดใจมากและกระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนร่างกฎหมาย ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้" นี่เป็นสิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เปิดเผย และได้กล่าวว่าหลังจากที่ตนเองพ้นจากหน้าที่ตำแหน่งไปแล้วก็ยังคงเฝ้าติดตามดู
ต้องมาดูข้อเท็จจริงกันครับว่ามาตรา 10/1 ที่มีการเพิ่มเติมเข้าไปนั้น มีข้อความว่าอย่างไร มาตรา 10/1 ให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเมื่อมีความพร้อม โดยพิจารณาจากผลการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการดำเนินการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ก็ชัดเจนล่ะครับว่ามาตราดังกล่าวนั้น บรรษัทน้ำมันแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความพร้อมผ่านการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้จัดตั้งขึ้นกันง่ายๆ ประเด็นอันเป็นสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ปิโตรเลียมฉบับนี้ ออกมาภายใต้ความขัดแย้งของคนที่มีความเห็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีระบบสัมปทานอย่างเดียวและไม่ต้องการให้มีบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีระบบแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเดียวและต้องการให้มีบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ รัฐบาลอยู่ตรงกลาง อันนี้คือประเด็นที่เป็นสาระสำคัญครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นในร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ปิโตรเลียม ก็คือความพยายามของรัฐบาลในการที่จะรับฟังความเห็นทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะเดินไปข้างหน้าในการแก้ไขวิกฤตพลังงานของชาติได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจรัฐบาลอยู่เหมือนกัน ต้องไปติดตามกันดูล่ะครับว่าในข้อเท็จจริงแล้วรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ปิโตรเลียมฉบับนี้ สิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดียาธร ทักท้วงจะเป็นอย่างไร เพราะสภานิติบัญญัติพิจารณากันอย่างเปิดเผย น่าสนใจคือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าใครนั้นจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงจะปรากฏต่อสาธารณชนอย่างแน่นอน.
ขอบคุณ แฟนข่าวสนธิญาณ
