เปิดใจพูด!! โฆษกรัฐบาล วอนสังคมเข้าใจเจตนารบ.ห้ามนั่งท้ายกระบะ เพื่อความปลอดภัย แนะคนไทยช่วยคิดลดความสูญเสียอย่างไร

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

 

วันนี้ ( 6 เม.ย.)   พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเรื่องการบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งในแคปและท้ายรถกระบะ รวมถึงให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.60 ว่า  อยากให้สังคมเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลว่า ที่ทำไปเพื่อลดอุบัติเหตุ ป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยความจริงใจ ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น หรือต้องการทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกลำบาก แต่เมื่อได้รับฟังเสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่แล้ว จึงมีความเห็นให้ผ่อนผัน ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนก่อน
          
 

 

" นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า เมื่อประชาชนเดือดร้อนและยังปรับตัวไม่ทัน รัฐบาลก็ยินดีฟังทุกความคิดเห็นด้วยความห่วงใย โดยความจริงแล้วข้อบังคับตามมาตรา 44 ที่ออกมานั้น มีกฎหมายปกติกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย เช่น ขับรถเร็ว เมาสุรา บรรทุกเกิน ฝ่าฝืนกฎจราจร ฯลฯ จึงอยากให้คนไทยมองถึงจุดนี้และช่วยกันคิดว่า จะลดความสูญเสียได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความยั่งยืน " โฆษกรัฐบาล กล่าว
          

 

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้จะยังไม่มีการจับ-ปรับรถกระบะ ที่มีผู้โดยสารนั่งท้ายกระบะหรือในแคปของรถ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฎหมาย ส่วนการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลนั้น เจ้าหน้าที่จะยังคงบังคับใช้กฎหมายด้วยการจับปรับผู้โดยสารเบาะคู่หน้าต่อไป ขณะที่ผู้โดยสารด้านหลังหากพบว่าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าหน้าที่จะตักเตือนก่อน แต่สำหรับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้ และรถโดยสารประจำทาง จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หากฝ่าฝืนจะถูกจับปรับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารที่ต้องฝากชีวิตไว้กับผู้ขับขี่รถสาธารณะ