"19เมษายน" เรื่องอัศจรรย์ในพระบารมีในหลวงร.9 ทรงเรือใบข้ามอ่าวสัตหีบถึง 17 ชม. ฝูงโลมาว่ายน้ำตามถวายอารักขา และคำยืนยันจากแพทย์ที่ตามเสด็จฯ

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

เล่าจากเรื่องจริง...เปิดบันทึก “จ่าเอก กาย โพธิ์งาม” เล่าเหตุอัศจรรย์ขณะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรือใบเมื่อ 51 ปีก่อน

 

"19เมษายน" เรื่องอัศจรรย์ในพระบารมีในหลวงร.9 ทรงเรือใบข้ามอ่าวสัตหีบถึง 17 ชม. ฝูงโลมาว่ายน้ำตามถวายอารักขา และคำยืนยันจากแพทย์ที่ตามเสด็จฯ

 

“เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2509 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแล่นเรือใบ โอ.เค. จากพระราชวังไกลกังวล หัวหิน ข้ามอ่าวไทยด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว ใช้เวลา 17 ชั่วโมงเต็ม กว่าจะแล่นเรือมาถึงหาดเตยงาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวันนั้นหลังจากที่ทรงแล่นใบห่างจากฝั่งมาได้ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ผู้ที่อยู่ในเรือยางถวายอารักขา ซึ่งติดตามเรือใบพระที่นั่งอย่างใกล้ชิด รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่นอกจากมีเรือใบพระที่นั่งแล่นฝ่าคลื่นลมตัดอ่าวมาอย่างโดดเดียวลำเดียวแล้ว ปรากฏว่ามีฝูงปลาโลมาอีกประมาณเกือบ 10 ตัวว่ายน้ำตามเสด็จมาห่างๆ และเริ่มกระโดดขึ้นเหนือน้ำ พร้อมกับส่งเสียงร้องเมื่อเรือพระที่นั่งออกมาไกลจนผู้ติดตามมองไม่เห็นฝั่ง เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้พวกเรารับทราบว่าพระองค์ท่านทรงอยู่จุดไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก

  "19เมษายน" เรื่องอัศจรรย์ในพระบารมีในหลวงร.9 ทรงเรือใบข้ามอ่าวสัตหีบถึง 17 ชม. ฝูงโลมาว่ายน้ำตามถวายอารักขา และคำยืนยันจากแพทย์ที่ตามเสด็จฯ

 

“หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เริ่มมีฝูงปลาโลมาว่ายมาสมทบมากขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับชุดนักทำลายใต้น้ำที่ถวายอารักขาเป็นอย่างยิ่ง ร.ท.อนุวัต บุญธรรม ร.น. และ พ.จ.อ.ฉลองศักดิ์ ไตรสนธิ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดและรองหัวหน้าชุด ต่างช่วยกันนับได้ประมาณร้อยกว่าตัว ยิ่งเรือพระที่นั่งใกล้เข้ามาทางฝั่งสัตหีบ ก็ยิ่งมีฝูงปลาว่ายมาสมทบมากขึ้นทุกที ขณะนั้นเป็นช่วงบ่าย อากาศแจ่มใส ทะเลเรียบไม่มีคลื่นลม จึงสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ฝูงปลาโลมาเป็นร้อยๆตัวเหมือนนัดหมายกันมารับเสด็จ หรือไม่ก็มาคอยถวายความปลอดภัยคุ้มกันอันตรายใต้น้ำ”

"19เมษายน" เรื่องอัศจรรย์ในพระบารมีในหลวงร.9 ทรงเรือใบข้ามอ่าวสัตหีบถึง 17 ชม. ฝูงโลมาว่ายน้ำตามถวายอารักขา และคำยืนยันจากแพทย์ที่ตามเสด็จฯ

จ่าเอก กาย โพธิ์งาม เล่าต่ออีกว่า “ปลาที่อยู่ใกล้เรือพระที่นั่งว่ายน้ำเคียงคู่อยู่ข้างเรืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ห่างไม่ชิดเกินไป แต่ว่ายล้อมรอบเรือพระที่นั่ง พวกเราเฝ้าสังเกตฝูงปลาโลมาเหล่านี้อย่างเงียบๆจากเรือยางที่แล่นถวายอารักขา จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นตะวันลับฟ้า พวกเราก็ยังรู้สึกว่าฝูงปลาโลมายังถวายงานว่ายเคียงคู่ไปกับเรือพระที่นั่ง จวบจนเรือพระที่นั่งแล่นใบเข้ามาใกล้จุดหมายที่อ่าวเตยงามเมื่อเวลาประมาณสองทุ่ม

  "19เมษายน" เรื่องอัศจรรย์ในพระบารมีในหลวงร.9 ทรงเรือใบข้ามอ่าวสัตหีบถึง 17 ชม. ฝูงโลมาว่ายน้ำตามถวายอารักขา และคำยืนยันจากแพทย์ที่ตามเสด็จฯ

 

“สิ่งที่ชุดนักทำลายใต้น้ำถวายอารักขาเห็นกันในวันนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง และเชื่อว่าเป็นเพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หากไม่ได้เห็นด้วยตนเองแล้วคงยากที่จะเชื่อ จึงได้แต่พูดคุยกันเฉพาะแต่กับพวกเราที่ไปด้วยกันในครั้งนั้น บัดนี้กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านพ้นมา 50 ปีแล้ว จึงได้นำเรื่องที่ประสบพบเห็นด้วยตนเองมาเปิดเผยให้แก่ประชาชนชาวไทยได้รับทราบ เพื่อน้อมระลึกถึงพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้”

 

ที่มาจาก : ชมรมคนรักในหลวง

การที่เกิดเหตุอัศจรรย์ อยู่บ่อยครั้งนั้น พสกนิกรชาวไทยล้วนมีความเห็นตรงกันว่าเพราะในหลวงท่านเป็นผู้มีบุญญาธิการ และเป็นพระโพธิสัตว์ ลงมาบำเพ็ญบารมี เกี่ยวกับในหลวงสืบเนื่องจาก นอกจากนี้ ในรายการ “ต่างคนต่างคิด” ทางอมรินทร์ ทีวี ยังมีบางถ้อยคำที่ พล.อ.นพ.ชูฉัตร กำภู ณ อยุธยา คุณหมอที่ตามเสด็จในหลวงตั้งแต่ปี 2517 ถ่ายทอดเล่าประสบการณ์ที่รับใช้ ในหลวงมากว่า 40ปี ให้ฟัง ด้วยน้ำตาคลอว่า

 

“...ในหลวงเวลาไปไหน
จะต้องมีหมอตามเสด็จ
เพราะเอาไปตรวจประชาชนตามป่าเขา
มีครั้งหนึ่ง ท่านเสร็จภาระกิจแล้ว
แต่ผมยังตรวจคนไข้ไม่เสร็จ

ท่านเดินมาบอกว่า
หมอตรวจไปอย่ารีบ
ฉันจะรอ จนกว่า จะตรวจประชาชนเสร็จ !!!!

ในหลวงท่านทรงรอเป็นชั่วโมง
ไม่ยอมกลับ
เพราะต้องการให้หมอ
ตรวจประชาชนให้ดีที่สุด
ในหลวงท่านเป็นอย่างนี้ตลอดเลย...”

 

“....พระเจ้าอยู่หัวเกิดมา
เพื่อทำทาน ทรงศีล
ใจท่านบริสุทธิ์มาก พุทธรู้ไหม 
ในหลวงไม่เคยว่าใคร
ไม่โกรธใคร ไม่เคยพูดผรุสวาท (คำด่า)
ชีวิตท่านมีแต่ให้ แล้วก็ให้

เราสูญเสียครั้งนี้ 
ไม่ใช่แค่เสียพระมหากษัตริย์ที่ดีเลิศไปเท่านั้น

แต่เราเสีย พระโพธิสัตว์...
และท่านทำให้ผมรู้ว่า
พระโพธิสัตว์มีอยู่จริง ในโลกใบนี้...”

 

(คำสัมภาษณ์คุณหมอ จาก“ต่างคนต่างคิด” ทางอมรินทร์ ทีวี)