แฉลึก!!เฉดหัว ริต-เปลี่ยนสี" เหตุอู้ฟู่ทันตาเห็นกว่า346ล้าน แถมหนี้ลดแบบเหลือเชื่อ-สุดยี้กล้าย้ายข้างรับใช้"ระบอบทักษิณ"หวังการเมืองคุ้มหัว?

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

แฉลึก!!! เฉดหัว "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดี DSI เหตุร่ำรวยผิดปกติ-อู้ฟู่ทันตาเห็นกว่า 346 ล้าน ขณะนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 DSI แถมหนี้สินลดลงแบบเหลือเชื่อ-ซ้ำไม่ละอายย้ายข้าง-รับใช้"ระบอบทักษิณ" หวังการเมืองช่วยคุ้มหัว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในยุครัฐบาล "อภิสิทธิ์" ช่วงปี 53 ได้บอกเองว่า "แก๊งแดง" เผาบ้านเผาเมือง แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนกลับ "เปลี่ยนสี" ย้ายข้างจนสังคมชยันโตทั่วหน้า

 

วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคำสั่งลงโทษไล่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกจากราชการ โดย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง และมีมติว่า นายธาริตร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา 80 (4) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้วให้ประธานป.ป.ช. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการสั่งลงโทษไล่ออก หรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

โดยหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80 (4) โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้ว่าการทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เม.ย.60 ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ แต่เดิมนายธาริต ดำรงตำแหน่งอดีตอธิบดี DSI แต่ถูกคำสั่งคสช.ที่ 8/2557 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นวันที่ 27 มิ.ย.57 จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามลำดับ โดยนายธาริต ยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติกว่า 346 ล้านบาท และเบื้องต้นได้มีการอายัดทรัพย์สินไปแล้ว 90 ล้านบาท และปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนขยายผลเพิ่มเติม คาดว่าอาจถูกอายัดทรัพย์สินอีกราว 100 ล้านบาท จากการตรวจพบว่า มีการย้ายเงินจำนวนดังกล่าวไปยังคนสนิทอีกด้วย อันนำมาซึ่งการถูกยึดทรัพย์ และไล่ออกจากราชการในครั้งนี้

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ช่วงปี 2553 นายธาริตนับเป็นหนึ่งในหัวหอกที่ฟาดฟันกับ "แก๊งแดง" ได้อย่างถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนั้น เพราะจากนั้นไม่นานนายธาริต ในฐานะอดีตอธิบดี DSI ก็เป็นผู้ยื่นฟ้อง "แก๊งแดง" ในข้อหาก่อการร้าย เรียกเสียงชื่มชมจากทุกสารทิศ แต่ว่าเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นใหญ่ในนามรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" มีการคะเนกันว่า นายธาริตจะถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดการเป็นคนแรก ๆ เพราะเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่ผิดคาดหลังเฉลิม อยู่บำรุงเรียกเข้าพบ วินาทีต่อจากนั้นนายธาริตก็ทำให้สังคมต้องตกตะลึง เพราะเขาเลือกที่จะกลับลำ 360 องศา โดยหันไปรับใช้รัฐบาลเผาบ้านเผาเมืองเพื่อไทยแบบไม่ยี่หระ...จนสังคมชยันโตทั่วหน้า...และต้องมารับใช้ "กรรม" ในวันนี้ 

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews