น้ำพระทัยแผ่ไพศาล...แม้บนดอยจะมี "กาแฟ" เพียงต้นเดียว พระองค์ก็ยังเสด็จไปดู!! พล.ต.อ.วิสิษฐ บอกเล่าความประทับใจ ในหลวงร.๙ ที่มิอาจลืมเลือน

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร เล่าไว้ในหนังสือ รอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชรความตอนหนึ่ง ที่ฉายภาพให้เห็นชัดเจนถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระปรีชาสามารถ พระวิริยอุตสาหะและพระขันติธรรมของพระองค์ท่านในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน โดยสรุปดังนี้

 

น้ำพระทัยแผ่ไพศาล...แม้บนดอยจะมี "กาแฟ" เพียงต้นเดียว พระองค์ก็ยังเสด็จไปดู!! พล.ต.อ.วิสิษฐ บอกเล่าความประทับใจ ในหลวงร.๙ ที่มิอาจลืมเลือน

 

ในท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่สับสนและวุ่นวาย ในปลายปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งมวลเป็นปกติโดยไม่ทรงหวั่นไหว โดยเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ ตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่เชียงใหม่ และเสด็จออกเยี่ยมเยียนราษฎรทั้งราษฎรชาวเขาเผ่าต่างๆ กับประชาชนซึ่งอยู่ในที่ราบลุ่มตามที่ทรงปฏิบัติเสมอมาทุกปี ครั้งนั้นในหลวง ร.๙ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ซึ่งทรงกระทำเช่นนี้เป็นปกติ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งฝ่าฝุ่นแดงและความลุ่มดอนของถนนในสมัยนั้นออกเยี่ยมราษฎรอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่

ในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรซึ่งเป็นชาวเขาบนดอยอินทนนท์  ในการทรงเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาครั้งนี้     หลังจากเสด็จด้วยรถยนต์พระที่นั่งทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่าม้งที่บ้านขุนกลาง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง แล้ว พระองค์และสมเด็จฯ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาท ไปตามไหล่เขาที่สูงบ้างต่ำบ้างเป็นระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร เพื่อทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านอังกาน้อยและทรงพระดำเนินต่อไปอีก ๒ กิโลเมตร เพื่อพระราชทานไก่พันธุ์โร้ดไอส์แลนด์เร็ด และผ้าห่มให้แก่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านท่าฝั่งเช่นเดียวกับที่บ้านอังกาน้อย

 

น้ำพระทัยแผ่ไพศาล...แม้บนดอยจะมี "กาแฟ" เพียงต้นเดียว พระองค์ก็ยังเสด็จไปดู!! พล.ต.อ.วิสิษฐ บอกเล่าความประทับใจ ในหลวงร.๙ ที่มิอาจลืมเลือน

 

ต่อจากนั้นยังทรงพระดำเนินต่อไปอีกประมาณ ๑ กิโลเมตร จนถึงไร่กาแฟที่ราษฎรชาวกะเหรี่ยงปลูกไว้ รวมเป็นระยะทางที่ทรงพระดำเนินทั้งสิ้นในบ่ายวันนั้นประมาณ ๖ กิโลเมตร เพื่อทอดพระเนตรต้นกาแฟ ที่มีให้พระเจ้าอยู่หัวฯ ทอดพระเนตรเพียงต้นเดียว เสร็จจากการทอดพระเนตรต้นกาแฟต้นเดียวแล้ว พระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จฯ ยังต้องทรงพระดำเนินกลับออกไปยังรถยนต์พระที่นั่งที่จอดไว้ที่แยกปากทางเข้าบ้านอังกาน้อย รวมเป็นระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทในวันนั้น ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.๙ ยังต้องทรงขับรถยนต์พระที่นั่งกลับด้วยพระองค์เองอีก จนถึงพระตำหนักด้วย

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอธิบายแก่ พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร ว่า เหตุที่พระองค์ทรงพระดำเนินไปเป็นระยะทางไกลตามที่ ม.จ. ภีศเดช รัชนี กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ เพียงเพื่อไปทอดพระเนตรต้นกาแฟเพียงต้นเดียวนั้น ด้วยเมื่อก่อนชาวเข่าเผ่ากะเหรี่ยงบนดอยอินทนนท์ประกอบอาชีพปลูกฝิ่น พระองค์ท่านทรงไปพูดจาชี้แจงชักชวนให้เขามาลองปลูกกาแฟแทนฝิ่น เมื่อกาแฟไม่ตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่หนึ่งต้นนั้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้าสำหรับกะเหรี่ยง จึงต้องไปทอดพระเนตร จะได้ทรงแนะนำเขาต่อไปได้ว่า ทำอย่างไรกาแฟจึงจะเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งต้น  พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจว่า เป็นไปตามพระบรมราโชบายที่ว่า ไม่โปรดการ เร่งรัดพัฒนาแต่โปรดให้ราษฎรเรียนรู้ด้วยตัวเองและรู้จักพัฒนาตนเอง

 

น้ำพระทัยแผ่ไพศาล...แม้บนดอยจะมี "กาแฟ" เพียงต้นเดียว พระองค์ก็ยังเสด็จไปดู!! พล.ต.อ.วิสิษฐ บอกเล่าความประทับใจ ในหลวงร.๙ ที่มิอาจลืมเลือน

 

ในปีต่อมา ราษฎรชาวกะเหรี่ยงดอยอินทนนท์ ปลูกกาแฟได้ผลงามทั้งไร่ และบริษัทผลิตกาแฟในกรุงเทพฯ ได้ไปขอซื้อกาแฟ โดยให้ราคาสูงถึงกิโลละหนึ่งบาท(ในสมัยนั้น) ปรากฏว่า ราษฎรชาวกะเหรี่ยงที่ดอยอินทนนท์ขายกาแฟได้เป็นเงินต่อไร่ต่อปีสูงกว่าที่เคยขายฝิ่นได้หลายสิบเท่า

 

จาก : หนังสือรอยพระยุคลบาท บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร