จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

 เป็นประเด็นร้อนมาโดยต่อเนื่อง สำหรับแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เพื่อไว้ประจำการเตรียมพร้อม ท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติให้จัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ ตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ เป็นวงเงินมูลค่า 36 หมื่นล้านบาท และเป็นการซื้อผ่อนในระยะเวลา 11 ปี

จากอดีตที่ผ่านมาประเทศไทย โดยกองทัพเรือไทย เคยมีเรือดำน้ำมาแล้วถึง 4ลำ ซึ่งเป็นประเภทเรือดำน้ำรักษาฝั่ง ขนาดเล็ก (ระวางขับน้ำต่ำกว่า 500 ตัน) ประกอบขึ้นที่อู่ต่อเรือบริษัทมิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันจำนวน 4 ลำ คือ เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพล  โดยเรือหลวงมัจฉาณุ ประกอบขึ้นพร้อมกับเรือหลวงวิรุณ ซึ่งเข้าประจำการเมื่อปีพ.ศ. 2481 และปลดระวางไปเมื่อปีพ.ศ. 2494

ทั้ง 4 ลำนี้ มีชื่อตามตัวละครในวรรณคดี ซึ่งตามระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการแบ่งชั้นเรือ หมู่เรือ และการตั้งชื่อเรือหลวง ได้กำหนดให้เรือ ส. หรือเรือดำน้ำ ตั้งชื่อเรือตาม ผู้มีอิทธิฤทธิ์ สามารถดำน้ำได้ดี หรือ อาศัยอยู่ใต้บาดาล ในนิยาย หรือวรรณคดีไทย 

ทั้งนี้ชื่อเรือหลวงมัจฉาณุ  หมายเลขเรือ 1 เป็นชื่อพระราชทาน  เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2480 มาจากชื่อตัวละครในวรรณคดีไทยซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ คือ มัจฉานุ จากเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีเรือเอกซุ้ย นพคุณ เป็นผู้บังคับการเรือ วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2479

มัจฉานุ เป็นบุตรของ หนุมาน กับ นางสุพรรณมัจฉา จึงมีร่างกายเป็นลิงเผือกเช่นเดียวกับหนุมาน แต่มี หางเป็นปลา เมื่อนางสุพรรณมัจฉาคลอดมัจฉานุออกมาแล้ว ก็กลัวทศกัณฐ์จะรู้ จึงนำมัจฉานุไปทิ้งที่ชายหาด ไมยราพซึ่งเป็นญาติกับทศกัณฐ์มาพบเข้า มีความสงสาร จึงได้นำไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ต่อมาไมยราพ ลักพาตัวพระรามมาไว้ที่เมืองบาดาล หนุมานติดตามมาด้วย ได้พบกับมัจฉานุจึงต่อสู้กัน มัจฉานุนั้นเก่งกล้าสามารถมาก มีไหวพริบปฎิภาณดี ฉลาดเฉลียวว่องไว สู้กับใครก็ไม่เคยแพ้ใคร ชนะตลอดแผลงฤทธิ์ได้ทั้งบนบกและในน้ำ หนุมาน ผู้เป็นพ่อว่าเก่งกาจและเชียวชาญแล้ว เมื่อเจอ มัจฉานุ ผู้เป็นบุตร แม้หนุมานก็ไม่สามารถเอาชนะ มัจฉานุได้(ไม่มีใครชนะใครได้เลย) หนุมานจึงได้ถามมัจฉานุว่าเป็นลูกใครพ่อแม่ชื่ออะไร เมื่อได้ยินคำตอบของมัจฉานุ หนุมานก็ดีใจมากเมื่อได้พบลูกของตน เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาครั้งที่ 2 และศึกกรุงมลิวัน มัจฉานุ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น พญาหนุราช ครองกรุงมลิวัน

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

 

เรือหลวงวิรุณ  หมายเลขเรือ 2 เป็นชื่อพระราชทาน มาจากชื่อตัวละครในวรรณคดีไทยซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ คือ วิรุณจำบัง จากเรื่องรามเกียรติ์ มี เรือเอก พร เดชดำรง เป็นผู้บังคับการเรือ. วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479  ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2479

วิรุณจำบัง ยักษ์ซึ่งเป็นเครือญาติของ ทศกัณฐ์  มีกายสีมอหมึก (สีขาวเจือดำ) ปากขบ ตาดั่งจระเข้ มีอิทธิฤทธิ์คือสามารถหายตัวได้ เป็นบุตรของพระยาทุขษณ์เจ้ากรุงจารึก ซึ่งเป็นอนุชาของทศกัณฐ์ ดังนั้น วิรุณจำบัง จึงมีศักดิ์เป็นหลานของ ทศกัณฐ์ วิรุณจำบังยกทัพไปช่วยทศกัณฐ์ทำศึกกับพระราม โดยขี่ม้านิลพาหุ หายตัวเข้าไปในกองทัพของพระราม ลอบฆ่าพวกไพร่พลลิงตายไปเป็นจำนวนมาก พิเภก ถวายคำแนะนำให้พระรามแผลงศรไปฆ่าม้านิลพาหุเสีย วิรุณจำบังจึงหนีไปซ่อนตัวในฟองน้ำใต้แม่น้ำสีทันดร บริเวณภูเขาสัตภัณฑ์ อยู่ทางใต้เขาพระสุเมรุ แต่ก็ถูกหนุมานตามไปฆ่าจนตาย ทั้งนี้สาเหตุที่นำชื่อ วิรุณจำบัง อาจจะมาจากอิทธิฤทธิ์ในการหายตัวได้ และโจมตีข้าศึกโดยไม่ให้รู้ตัว เสียมากกว่า การที่ไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำ ใต้แม่น้ำ เพราะเรือดำน้ำเอง ก็มีคุณสมบัติพิเศษก็คือ การซ้อนตัวในท้องทะเล เรือผิวน้ำไม่สามารถตรวจจับได้โดยง่าย และจู่โจมศัตรูโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

 

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

 

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!
 

เรือหลวงสินสมุทร หมายเลขเรือ 3 เป็นชื่อพระราชทาน มาจากชื่อตัวละครในวรรณคดีไทยซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ คือ   สินสมุทร จากเรื่องพระอภัยมณี มี เรือเอก สนอง ธนาคม เป็นผู้บังคับการเรือ วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2479 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480

สินสมุทรมีรูปกายเหมือนมนุษย์ แต่มีเขี้ยวงอกออกจากปากเหมือนยักษ์ สามารถดำน้ำ ว่ายน้ำได้และมีพละกำลังมหาศาล นอกจากนี้ยังเก่งกล้าสามารถในการรบ เพราะได้วิชาจากพ่อ และฤาษีโยคีที่เกาะแก้วพิสดาร นอกจากสินสมุทรจะเป็นนักรบทางบกที่เก่งกาจแล้ว ยังเก่งด้านทะเลอีกด้วย เพราะเกือบทั้งชีวิตของสินสมุทรนั้น ล้วนแต่ผูกพันกับท้องทะเล ตั้งแต่เกิด และต้องเดินทางไปในท้องทะเล กับ สุวรรณมาลี ซึ่งสินสมุทรรักเหมือนแม่แท้ ๆ
 

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

 

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!

 

เรือหลวงพลายชุมพล หมายเลขเรือ 4   เป็นชื่อพระราชทานมาจากชื่อตัวละครในวรรณคดีไทยซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ คือ พลายชุมพล จากเรื่องขุนช้างขุนแผน  มี เรือเอก สาคร จันทประสิทธิ์ เป็นผู้บังคับการเรือ วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2479 ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480

พลายชุมพล  เป็นลูกชายของขุนแผนกับ นางแก้วกิริยา พลายชุมพลมีความเก่ง ความฉลาดปราดเปรื่องมาจากพ่อ แค่อายุ 15 ปี ก็สามารถเรียนตำราขอมได้จนจบเล่ม ล่องหนหายตัวได้ ดำดินได้อีก เสกหุ่นหญ้ามาช่วยสู้รบแทนตนได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือ มีวิชาอยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า โดยตอนหนึ่ง เถรขวาดจำแลงตนมาเป็นจระเข้ อาละวาดฆ่าคน ในเมืองเชียงใหม่  พลายชุมพลได้อาสาสมเด็จพระพันวษา ออกปราบเถรขวาด และจับตัวเถรขวาดได้สำเร็จ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น หลวงนายฤทธิ์
จากวีรกรรมที่พลายชุมพล ต้องลงน้ำปราบจระเข้จำแลง และวิชาล่องหนหายตัว กับวิชาดำดิน

จากวรรณคดี..สู่แสนยานุภาพทางทะเลไทย!! เผยที่มาชื่อเรือดำน้ำในอดีต"มัจฉาณุ-วิรุณ-สินสมุทร-พลายชุมพล"ผู้มีอิทธิฤทธิ์ในการดำน้ำ เก่งกาจการรบ!!