- 28 เม.ย. 2560
ด่วนที่สุด !!! ออกหมายจับแล้ว "บอส วรยุทธ" ทายาทกระทิงแดง ตำรวจเร่งล่าตัวดำเนินคดี (รายละเอียด)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ทีมอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงกรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 หลังคดีมีความยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี โดยวันนี้ (27 เมษายน) นายวรยุทธ ต้องเดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาล หลังจากได้ขอเลื่อนมาหลายครั้งโดยอ้างว่าติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นที่สังคมจับตามองว่า นายวรยุทธ จะเดินทางเข้าพบพนักงานอัยการหรือไม่นั้น รวมถึงหากไม่เดินทางมาอัยการจะขอหมายจับทันทีหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ โดยขอให้รอความชัดเจนในการแถลงวันนี้ โดยย้ำว่ามีขั้นตอนทางกฏหมายดำเนินการอยู่แล้ว
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. ของวันที่ 28 เมษายน 2560 ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา หมายจับที่ 138/60 ข้อหาชนแล้วหนี และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ย้อนไปเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 รถยนต์หรูยี่ห้อเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผู้บังคับหมู่ปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์ไปปฏิบัติหน้าที่ หลังจากเกิดเหตุรถคันดังกล่าวได้หลบหนีไปทันที
โดยตำรวจตรวจพบคราบน้ำมันของรถยนต์ต้องสงสัยหยดอยู่บนถนน เป็นเส้นทางยาวจากที่เกิดเหตุไปถึงหน้าบ้านพัก เมื่อตรวจสอบพบว่านายวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) บุตรชายเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง เป็นคนก่อเหตุ ซึ่งตำรวจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเกลี้ยกล่อมให้ญาตินำตัวนายวรยุทธ ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
ทั้งนี้ในการดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวนใช้เวลารวบรวมหลักฐาน 6 เดือน โดยแจ้ง 2 ข้อหา คือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ แต่ในชั้นพนักงานอัยการ เพิ่มข้อหาขับเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากได้ผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่านายวรยุทธ ขับรถในขณะเกิดเหตุความเร็วประมาณ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมแล้วนายวรยุทธ ถูกแจ้งทั้งหมด 3 ข้อหาส่วนข้อหาขับรถยนต์ในขณะเมาสุรา ไม่สั่งฟ้อง เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน
อย่างไรก็ตามคดีนี้ดำเนินมาครบ 1 ปี ก็ยังไม่ถูกส่งฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เนื่องจากนายวรยุทธได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและขอเลื่อนเข้าพบอัยการหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเดินทางไปทำธุรกิจในต่างประเทศและป่วยกระทันหัน จนทำให้ข้อหาขับเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด สิ้นอายุความลงไป เนื่องจากไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องได้ทัน แต่ข้อหาหลักคือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่มีอายุความ 10 ปี ขณะนี้เหลืออายุความอีก 5 ปี ส่วนข้อหาไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือที่จะหมดอายุความในเดือนกันยายนปีนี้ ก็ยังไม่สามารถส่งฟ้องได้ เพราะนายวรยุทธยังไม่เข้าพบอัยการเพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาล