"ยิ่งลักษณ์"อ้างจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ควรเป็นวาระลับ!! จำได้ไหม..เคยสั่ง "รมต.-จนท." รูดซิปปากห้ามพูดประชุมลับพ.ร.ฎ.อภัยโทษพี่ชายตัวเอง!!??

"ยิ่งลักษณ์"อ้างจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ควรเป็นวาระลับ!! จำได้ไหม..เคยสั่ง "รมต.-จนท." รูดซิปปากห้ามพูดประชุมลับพ.ร.ฎ.อภัยโทษพี่ชายตัวเอง!!??

หลังจากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้จัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ตามที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เสนอเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงไม่แถลงมติดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบ ต่อมาทางฝั่งรัฐบาลก็ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวกระทรวงกลาโหม เสนอเข้ามาด้วยการแนบเป็น “เอกสารมุมแดง” ที่มีความหมายตามระดับชั้นความลับว่า “ลับมาก”  เป็นยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ และยุทธศาสตร์การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพ

เป็นทางด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ถึงเรื่องนี้ บางช่วงบางตอนว่า" การนำเข้ามาพิจารณาใน ครม. ไม่ควรพิจารณาเป็นวาระลับ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนติดตามกันทั้งประเทศ อย่างน้อยควรให้มีโอกาสได้รับรู้ รับทราบ ช่วยกันติดตามเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ซึ่งในสมัยของตนเมื่อพิจารณาแล้วก็ได้ขอให้ชะลอการจัดซื้อ และเอาเงินไปพัฒนาอย่างอื่นที่จำเป็นเร่งด่วนแทน

ว่ากันด้วย"การประชุมลับ"!! หากย้อนกลับไปในสมัยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เคยมีคำสั่งให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ รูดซิปปากห้ามแถลงมติลับ ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย หลังภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี 

16 พ.ย.2554  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนกรณี ครม.ประชุมลับพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ที่ถูกจับตาว่าเอื้อประโยชน์ต่อ นาย ทักษิณ  แต่ยอมรับว่า มีการประชุม ครม.ลับจริง และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน และขั้นตอนของร่างดังกล่าว มีขั้นตอนมากมาย ต้องให้กระทรวงยุติธรรมศึกษาข้อกฎหมายก่อน และสุดท้ายจะเป็นพระราชอำนาจเท่านั้น

"ยิ่งลักษณ์"อ้างจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ควรเป็นวาระลับ!! จำได้ไหม..เคยสั่ง "รมต.-จนท." รูดซิปปากห้ามพูดประชุมลับพ.ร.ฎ.อภัยโทษพี่ชายตัวเอง!!??


        พร้อมกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวตำหนิผู้ที่นำความลับนี้มาเผยแพร่ด้วยว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน และตนรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ก็คงไม่มีการลงโทษ เนื่องจากเรื่องลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ในการประชุมครม.ครั้งนี้  น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่าติดภารกิจที่จ.สิงห์บุรี และ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเคยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2554 นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมครม.ได้มีประเด็นเรื่องของการประชุมลับ ซึ่งได้ขอกำชับกับทางรัฐมนตรี  และให้รัฐมนตรีกำชับทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่ประชุมว่าหากยังไม่มีมติครม.ก็อย่าเพิ่งออกมาแถลงการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามในที่ประชุมถึงเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นการประชุมลับในการประชุมครม.ครั้งที่แล้ว โดยได้ส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งได้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนื้อหาสาระต่าง ๆ เป็นไปตามข้อกฎหมาย และตามแนวทางปฏิบัติที่เคยกระทำกันมาโดยตลอด เพียงแต่เนื้อหาสาระยังคงเป็นความลับ ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไม่อาจไปก้าวล่วงหรือผู้ใดก็ไม่ควรที่จะไปละเมิดทางสถาบัน อันเป็นที่รักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทย