- 28 เม.ย. 2560
"ยิ่งลักษณ์"อ้างจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ควรเป็นวาระลับ!! จำได้ไหม..เคยสั่ง "รมต.-จนท." รูดซิปปากห้ามพูดประชุมลับพ.ร.ฎ.อภัยโทษพี่ชายตัวเอง!!??
หลังจากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้จัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ตามที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เสนอเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงไม่แถลงมติดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบ ต่อมาทางฝั่งรัฐบาลก็ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวกระทรวงกลาโหม เสนอเข้ามาด้วยการแนบเป็น “เอกสารมุมแดง” ที่มีความหมายตามระดับชั้นความลับว่า “ลับมาก” เป็นยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ และยุทธศาสตร์การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพ
เป็นทางด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ถึงเรื่องนี้ บางช่วงบางตอนว่า" การนำเข้ามาพิจารณาใน ครม. ไม่ควรพิจารณาเป็นวาระลับ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนติดตามกันทั้งประเทศ อย่างน้อยควรให้มีโอกาสได้รับรู้ รับทราบ ช่วยกันติดตามเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ซึ่งในสมัยของตนเมื่อพิจารณาแล้วก็ได้ขอให้ชะลอการจัดซื้อ และเอาเงินไปพัฒนาอย่างอื่นที่จำเป็นเร่งด่วนแทน
ว่ากันด้วย"การประชุมลับ"!! หากย้อนกลับไปในสมัยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เคยมีคำสั่งให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ รูดซิปปากห้ามแถลงมติลับ ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย หลังภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
16 พ.ย.2554 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนกรณี ครม.ประชุมลับพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ที่ถูกจับตาว่าเอื้อประโยชน์ต่อ นาย ทักษิณ แต่ยอมรับว่า มีการประชุม ครม.ลับจริง และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน และขั้นตอนของร่างดังกล่าว มีขั้นตอนมากมาย ต้องให้กระทรวงยุติธรรมศึกษาข้อกฎหมายก่อน และสุดท้ายจะเป็นพระราชอำนาจเท่านั้น
พร้อมกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวตำหนิผู้ที่นำความลับนี้มาเผยแพร่ด้วยว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน และตนรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ก็คงไม่มีการลงโทษ เนื่องจากเรื่องลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ในการประชุมครม.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่าติดภารกิจที่จ.สิงห์บุรี และ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเคยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2554 นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมครม.ได้มีประเด็นเรื่องของการประชุมลับ ซึ่งได้ขอกำชับกับทางรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีกำชับทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่ประชุมว่าหากยังไม่มีมติครม.ก็อย่าเพิ่งออกมาแถลงการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามในที่ประชุมถึงเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นการประชุมลับในการประชุมครม.ครั้งที่แล้ว โดยได้ส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งได้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนื้อหาสาระต่าง ๆ เป็นไปตามข้อกฎหมาย และตามแนวทางปฏิบัติที่เคยกระทำกันมาโดยตลอด เพียงแต่เนื้อหาสาระยังคงเป็นความลับ ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไม่อาจไปก้าวล่วงหรือผู้ใดก็ไม่ควรที่จะไปละเมิดทางสถาบัน อันเป็นที่รักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทย