เป็นเรื่องแล้วไง!! ป่าไม้เครียด เชิญสื่อออกจากห้อง ถกลับแก้ปัญหาที่ดินเขาค้อ

วันที่  28 เม.ย.2560  นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะติดตามและร่วมประชุมกับนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และ พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี รอง ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่1 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุกยึดถือครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ วังชมภู และป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่น ในเขตพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด

นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่สืบเนื่องมาจากนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้โพสต์ภาพถ่ายทางอากาศที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในเฟซบุ๊ค โดยระบุว่ามีรีสอร์ทตั้งอยู่บนที่ดินที่จัดให้กับราษฏรอาสาทำกินในการทำเกษตร ซึ่งนายทุนเข้ามาซื้อโดยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่กระทำผิดได้ พร้อมทั้งกล่าวหาว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติ2มาตรฐาน โดยเปรียบเทียบกับกรณีพื้นที่ของภูทับเบิก อ.หล่มเก่า ที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ในการดำเนินการนั้นทางกรมป่าไม้ได้ตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ วังชมภู และป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่น ครอบคลุมพื้นที่ 4ตำบล ประกอบด้วย ต.เขาค้อ ต.สะเดาะพง ต.ริมสีม่วง ต.และ.หนองแม่นา ซึ่งกองทัพภาคที่3 ได้ขออนุญาตขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 -2533 จำนวน5ครั้ง 8แปลง เนื้อที่ 126,368ไร่ เพื่อจัดสรรให้ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.)อยู่อาศัยทำกินตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ต่อมาปี พ.ศ.2555 จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ได้ทำหนังสือถึงกรมป่าไม้เพื่อส่งมอบพื้นที่บางแปลง กรมป่าไม้จึงขอให้จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์จัดส่งรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลที่ดินที่ได้จัดสรรให้กับหน่วยงานราชการ และ รอส. ว่ามีแปลงที่ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขและแปลงที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดกี่แปลง พร้อมแผนที่ที่เกี่ยวข้อง อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ วังชมภู และป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่นในท้องที่ อ.เขาค้อ มีจำนวน 694 ราย อยู่ในพื้นที่ที่กองทัพภาคที่3 ขอใช้ประโยชน์จำนวน 631ราย และมีการตรวจยึดดำเนินคดีแล้ว 51ราย และอยู่นอกพื้นที่กองทัพภาคที่3 ขอใช้ประโยชน์ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้จำนวน63ราย และได้ดำเนินคดีไปแล้ว36รายและอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีก27ราย

ทั้งนี้กรณีการขอใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 35/2559 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 นั้นโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ว่าต้องขึ้นอยู่กับสภาวการณ์และลักษณะพื้นที่  ซึ่งแต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน อย่างกรณีที่ภูทับเบิกเป็นพื้นที่ป่าไม้ตามพระราชบัญญัติ พุทธศักราช2484 เมื่อพบการกระทำผิดไม่สามารถรื้อถอนได้ต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการฟ้องทางแพ่งเพื่อขับไล่ ประกอบกับผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และความเป็นอยู่ของราษฎรทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการระงับ ปราบปราม และป้องกันการกระทำดังกล่าว ในขณะที่พื้นที่เขาค้อซึ่งกองทัพภาคที่3ขอใช้ประโยชน์อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจดำเนินคดีและรื้อถอนภายใต้กรอบของกฏหมาย พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ดังนั้นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดตามกฏหมายป่าไม้จะดำเนินภายใต้กรอบกฏหมายที่กำหนดไว้จึงมิใช่การปฏิบัติสองมาตรฐานแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้กองทัพภาคที่3 จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปอย่างจริงจังและเด็ดขาดอธิบดีกรมป่าไม้กล่าว อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงการแก้ปัญหาที่ดินเขาค้ออยู่นั้นได้มีนายนายประสม ประคุณสุขใจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมาท์เท่นพาร์คสวิสเซอร์แลนด์ อ.เขาค้อ ที่เข้าสังเกตการณ์ได้โต้แย้งถึงการปฏิบัติหน้าที่ว่ามีการปล่อยให้รีสอร์ทบนเขาค้อผุดขึ้นจากอดีตมีเพียงไม่กี่ร้อยปัจจุบันมากกว่า 600แห่ง พร้อมจี้ให้เร่งดำเนินการกับรีสอร์ทตาม พรบ.โรงแรม เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีการจดแจ้งอย่างถูกต้อง นายชลธิศฯได้ชี้แจงว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบและเร่งดำเนินการอยู่แล้วจำนวน 90วันกับการคัดกรองก่อนดำเนินการกับผู้กระทำผิดทุกรายรับรองไม่มีการละเว้นหรือสองมาตรฐานอย่างแน่นอน

ภาพ/ข่าว หนึ่ง มณีวรรณ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์   จ.เพชรบูรณ์