ด่วน!!! ตร.บุกสายฟ้าแลบรวบ "เครือข่ายไซชะนะ" ลูกคนดังเมืองอุดรฯ โดนด้วย ยิ่งผงะตรวจค้นทรัพย์สิน-เจอรถหรูต้องยึดมูลค่ากว่า 100 ล้าน

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

ด่วน!!! ตำรวจสนธิกำลังบุกสายฟ้าแลบรวบ "เครือข่ายไซชะนะ" ในพื้นที่จ.อุดรฯ โดยเฉพาะปิดล้อมบ้านนายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หรือ “กิมเล้ง”เสี่ยหนุ่มลูกคนดังอุดรฯ ตะลึงยึดทรัพย์สิน-รถหรูกว่า 100 ล้าน


วันนี้ ( 2 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่สนธิกำลังจาก สอบสวนกลาง,บก.ปส.,กองปราบปราม, ,ปปง.,ดีเอสไอ.,ดีอีเอ.,ศุลกากร,กองทัพ ภาค 2,กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี,ตชด.24,ตร.ภาค 4,ภ.จว.อุดรธานีเข้าตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติด“นายสีสุก ดาวเรือง-ไซซะนะ แก้วพิมพา-อุสมาน สะแลแมง”ในพื้นที่ จ.อุดรธานี 14 จุด รวม 31 จุดทั่วประเทศ ตามแผนชัยยะสยบไพรี 60/4 ที่ดำเนินมาต่อเนื่อง


แต่ที่สำคัญวันนี้ เจ้าหน้าที่กว่า 60 คน ได้ปิดล้อมบ้านเลขที่ 92/12-14 ถ.โพนพิสัย เทศบาลนครอุดรธานี  ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวนายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หรือ “กิมเล้ง”อายุ 30 ปี บุตรชายเสี่ยซิ่ง นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่ถูกจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 130/2560 ได้ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี และถูกควบคุมตัวนำเข้าตรวจค้น ยึดทรัพย์สินบางส่วน อาทิ รถเบนท์ลี่ย์ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ท-8821 กรุงเทพปอร์เช่ 718 Cayman สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ผ-7722 กรุงเทพ, บีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ๊กซ์ 1 สีขาว ทะเบียน ณร-59 กรุงเทพ และรถมินิคูเปอร์ สีแดง กธ-199 อุดรธานี ไปเก็บรักษาไว้ที่ กก.ตชด.ที่ 24 อุดรธานี

ทั้งนี้ นายรัชพล เคยตกเป็นข่าวมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่บุกจับนายไซซะนะ ขณะเดินทางด้วยเครื่องบิน จากสนามบินภูเก็ตมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยนายรัชพล อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และถูกกันตัวมาทำการสอบสวน แต่ได้รับการปล่อยตัวออกมา ขณะเดียวกันมีการควบคุมตัว นายเอีย มิ่งไชย หรือเอก อายุ 22 ปี ชาวสะวันเขต สปป.ลาว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 19/2560 วันที่ 25 มกราคม 2560 ที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.มุกดาหาร มาสอบสวนที่ กก.ตชด.24

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 พล.ต.อ.สมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เดินทางด่วนมาสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกับ พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4,พล.ต.กนก ภูม่วง ผบ.มทบ.24,พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.อุดรธานี,นายสมหวัง พ่วงบางโพ รอง ผวจ.อุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้เวลานานมากกว่า 1 ชม. ก่อนร่วมกันมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมกันกับชุดที่ปฏิบัติหน้าที่จังหวัดอื่น ด้วยวีดีโอคอนเฟอเร้นท์
พล.ต.อ.สมเกียรติ กล่าวว่า ยุทธการชัยยะสยบไพรี 60/4 ที่ต้องทำงานเชิงรุกทั้งป้องกัน และปราบปราม สืบเนื่องมาจากยุทธการแรกๆ สามารถจับกุมเครือข่าย ทำให้สามารถขยายผล รวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามจับกุมผู้ประกับผิด ครั้งนี้เข้าตรวจค้นพร้อมกัน 31 แห่ง ในพื้นที่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี 5 จุดกรุงเทพ 4 จุด หนองคาย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และอุดรธานี ในเครือข่ายธุรกิจน้ำมัน-ปศุสัตว์-ที่ดิน-อื่นๆ


“จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย คือ นายรัชพล หรือ กิมเล้ง ในสถานบริการ และนายเอีย หรือเอก ชาวลาว ขณะข้ามแดนมาที่ จ.มุกดาหาร และผู้ต้องหาอีก 3 คนพร้อมของกลาง 3 ราย ตรวจยึดทรัพย์มา 26 รายการ รวมแล้วมากกว่า 100 ล้านบาท เป็นกลุ่มรถยนต์ซูปเปอร์คาร์ 10 คัน อาทิ BENTLEYราคาคันละ 17 ล้าน, PORSCHEราคา 7 ล้านบาท,โฉนดที่ดิน 2 แปลง มูลค่า 25 ล้านบาท,เป็นทรัพย์สินอื่นๆอีก 14 รายการ นอกจากนั้นพบสมุดบัญชีเงินฝาก เอกสารธุรกรรมทางการเงิน และการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการสอบสวนขายผลต่อ”พล.ต.อ.สมเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการลำเลียงยาเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านมาทางภาคอีสานน้อยลง หลังจากเราสามารถจับกุมเครือข่ายสำคัญได้ และยังสอบสวนขายผลจับกุมต่อเนื่อง ตัดเส้นทางทางการเงิน ทั้งกลุ่มที่ทำหน้าที่ขนยาเสพติด และกลุ่มทำหน้าที่ฟอกเงิน เอาเงินที่ได้มาเปลี่ยนเป็นทรัพย์สิน ทำให้การลำเลียงกลับไปใช้เส้นทางเดิม คือผ่านมาภาคเหนือ มุ่งหน้าลงไปยังภาคใต้ของประเทศไทย

 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ยังให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมยาเสพติดอาศัยข้อมูลเดิมมาเชื่อมต่อ ขอศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการ ที่มีการติดต่อกันทางด้านการเงินเป็นหลัก ฉะนั้นเราจะไม่พบยาเสพติดในการดำเนินการครั้งนี้จะทลายเครือข่ายทางเส้นทางการเงินเป็นหลัก โดยทรัพย์สินที่ยึดได้วันนี้ จะเป็นของผู้ที่กระทำความผิดที่มีการถ่ายโอนเส้นทางการเงินเชื่อมต่อกัน นอกจากนี้ทางผู้บัญชาการ ปส.ได้ประสานไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก

“ขยายจับกุมเครือข่ายให้หมด โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงินที่สำคัญที่สุด โดยจะทำทั้งการป้องกันและการปราบปราม การปราบก็คือการจับกุม ที่เราจับกุมยาเสพติดทั้งหลายที่จับได้ 4-5 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 100 กก.ส่วนการทำลายเครือข่ายการเงินที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะตัดวงจรทั้งหมด ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจับกุมครั้งนี้มีทั้งเครือข่ายของท้าวสีสุก นายไซชะนะ และนายอุสมาน 3 เครือข่ายหลัก ๆ ส่วนเครือข่ายตามจังหวัดต่าง ๆ เราจะทำอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ยังเป็นชั้นความลับอยู่ โดยส่วนของอุดรธานี หากพบว่ายังคงมีข้อมูลเพิ่มเติม เราก็ต้องปฏิบัติการเช่นนี้อีก”พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าว
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ช่วงนี้จะสังเกตได้ว่า ยาเสพติดล๊อตใหญ่ ๆ จะไม่เข้ามาทางภาคอีสาน เนื่องจากเราดำเนินการจับกุมอย่างจริงจัง และทำลายเส้นทางการเงิน ทำให้จับกุมทางภาคอีสานได้น้อยลง ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติด กลับไปทางภาคเหนือเป็นหลักเหมือนเดิม และยังมีลงผ่านไปทางภาคใต้ เพื่อนำยาเสพติดออกไปยังต่างประเทศ ที่เราจับได้ 4 ล้านเม็ดก็มาจากทางเหนือ

 

ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เปิดเผยว่า หลังจับกุมตามปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/1 ที่เปรียบเสมือนเราเจอผึ้งรังหนึ่ง ที่มีนายไซชะนะเป็นนางพญาผึ้ง เราก็มาเจอลูกข่ายก็คือบอยและเบนซ์ ต่อมาก็มีผึ้งโผล่มาอีกรัง ที่ใหญ่กว่ารังผึ้งของไซชะนะ ก็คือท้าวสีสุก ที่ตนเคยบอกไปแล้วว่า ใหญ่กว่าเครือข่ายของไซชะนะ ที่สังเกตจกการยึดทรัพย์ที่เรายึดทรัพย์ได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งธุรกิจเช่นนี้มันจะไปเชื่อมโยงถึงกันเอง ณ จุด ๆ หนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน แต่มันจะโยงใยไปหากันเองด้วยระบบของมัน คือ ต่างชาติเขาเป็นผู้ผลิตยา แต่พวกนี้เป็นดีลเลอร์เอายามาจำหน่าย การแข่งขันย่อมมี แต่ต้องไม่มาแย่งพื้นที่กัน

“สีสุกก็อาจจะกระโดดข้ามไปต่างประเทศ ที่มาเลเซีย ไต้หวัน ส่วนไซชะนะ มาที่ประเทศไทย ที่ภูเก็ต สมุย ส่วนคนอื่น ๆ มีเส้นทางของตัวเอง ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติด สิ่งที่น่ากลัวก็คือเงิน ไม่ใช่ยา ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยจับเส้นทางการเงินได้ มีแต่จับเงินได้ เงินมากกว่านั้น แต่จับต้องไม่ได้ วันนี้ตัดตอนและถอนรากถอนโคนการค้ายาเสพติด ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ให้ดูแล้ว ทุกจุดที่เราทำ เราตัดเส้นทางการเงิน"  พล.ต.ท.สมหมาย ระบุ

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews