ปัตตานี!! แม่ทัพภาค 4 นำทัพค้นปอเนาะ จับแกนนำสั่งบอมเสาไฟฟ้า หลังถูกซัดทอดจากมือระเบิด

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 พ.ค. 2560  ที่สถานีตำรวจภูธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้ร่วมกันสอบสวนขยายผลและแถลงข่าวการจับกุม 2 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 28 เมย.ที่ผ่านมา ในคดีลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า เมื่อวันที่ 6 เมย.และจะเชื่อมโยงในคดีปาระเบิดหลายจุด เมื่อวันที่ 19 เมย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบสวนขยายผล 1 ผู้ต้องสงสัยครั้งนี้ได้ให้การรับสารภาพว่าอยู่ในกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ยะรัง จำนวน 9 จุด และได้มีการซัดทอดไปยังกลุ่มบุคคลอื่น ๆ อีกหลายคนที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ โดยเฉพาะแกนนำระดับสั่งการ รวมไปถึงสถานที่ในการวางแผนก่อเหตุ และเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวหลังก่อเหตุ

ซึ่งหลังจากผู้ต้องสงสัยได้ให้การรับสารภาพ พล.ท.ปิยวัฒน์ แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมกำลังความพร้อมเต็มพิกัด พร้อมกับนำตัวผู้ต้องสงสัยไปทำให้ตรวจค้นและจับกุมที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ปิยามุดี อ.ยะรัง และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ไปถึง ผู้ต้องสงสัยจึงได้ชี้ตัวให้จับกุมอีก 1 ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าวที่ถูกซัดทอดว่าเป็นแกนนำสั่งการในการก่อเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า พร้อมกับทำการตรวจค้นหอพักแต่ไม่พบหลักฐานใด ๆ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปทำการตรวจเก็บดีเอ็นเอและวัตถุพยานต่าง ๆ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานจากที่เกิดเหตุว่าตรงกันหรือไม่ รวมไปถึงคดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเพื่อทำการสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหารปัตตานี

ด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า เจ้าหน้าได้จับกุมผู้ต้องสงสัยแล้ว 15 ราย ออกหมายจับ 1 ราย โดยรายล่าสุดที่นำตัวมาแถลงครั้งนี้ได้รับสารภาพและให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนและมีการยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดได้หลายรายการ สำหรับการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยให้การว่า ส่วนใหญ่ที่ก่อเหตุเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่หลงผิดถูกกลุ่มขบวนการหลอกและถูกบังคับให้ไปร่วมก่อเหตุบางคนคึกคะนองกับการกระทำ แต่ยอมรับว่าได้มีการประสานมาเพื่อขอมอบตัวซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทางรัฐก็ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเพราะประเทศไทยมีกฎหมาย ส่วนการดูแลความปลอดภัยนั้น ได้มีการปรับแผนยุทธศาสตร์การปฏิบัติที่เข้มข้นกว่าเดิม ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง หากทุกฝ่ายบูรณาการการทำงานเชื่อว่าเหตุความรุนแรงลดลงแน่นอน

ภาพ/ข่าว สุไลมาน แวมามะ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์   จ.ปัตตานี