สนธิญาณ ชี้!!"สุไฮมิง"คนร้ายคาร์บอมห้างปัตตานี แค่หนึ่งในผู้ร่วมโครงการ"พาคนกลับบ้าน" ที่มี๔,๔๓๒ คน ที่แฝงตัวมาก่อเหตุ ย้ำ!!โจรอยากให้เลิกโค

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ ชี้!!"สุไฮมิง"คนร้ายคาร์บอมห้างปัตตานี แค่หนึ่งในผู้ร่วมโครงการ"พาคนกลับบ้าน" ท่ีมี๔,๔๓๒ คน ที่แฝงตัวมาก่อเหตุ ย้ำ!!โจรอยากให้เลิกโครงการนี้

                สนธิญาณ : อยากจะย้อนรอยถอยหลังกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ที่เกิดระเบิดที่บิ๊กซีปัตตานีหน่อยนะครับ มีประเด็นที่ตอนนี้เนี่ยกำลังวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็พูดถึงกันมากนะครับ นั่นก็คือกรณีที่ได้มีการจับนายสุไฮมิง สะมะแอ นะครับ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ร่วมในขบวนการการก่อเหตุระเบิดคาร์บอมที่ปัตตานี พฤติกรรมที่ชัดเจนในขณะนี้ก็คือการเข้าร่วมปล้นฆ่านาย นุสน ขจรดำ ชิงรถเอาไปทำคาร์บอม ซึ่งถือว่าเป็นยุทธวิธีใหม่ของโจรก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้นะครับ ที่ต้องเรียกว่ายุทธวิธีใหม่หมายความว่ายังไง ก็หมายความว่าหากรถเนี่ยปล้นเพื่อจะไปใช้ทำคาร์บอม แล้วถอดระยะเวลายาวไว้เนี่ยนะครับ จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงก็สามารถสแกนได้ ว่ามีรถยี่ห้อไหนทะเบียนอะไรที่โดนปล้นออกไปบ้างนะครับ และจะทำให้เกิดความระมัดระวัง แต่กรณีนี้เนี่ยนะครับชัดเจนเลย ปล้นวันนั้น ฆ่าเจ้าของรถทิ้งปิดปาก แล้วก็เอารถไปทำคาร์บอมเลย แล้วเอามาระเบิดในวันเดียวกันเลย ทำให้การตั้งรับหรือการระมัดระวังของเจ้าหน้าที่ในเรื่องคาร์บอมทำไม่ได้ ประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน กรณีของสุไฮมิง สะมะแอเนี่ย ก็เพราะว่านายสุไฮมิง สะมะแอเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในโครงการพาคนกลับบ้านของกองทัพภาคที่ 4 คนที่ไม่เข้าใจผมเรียนย้ำแบบนี้ครับ ก็จะวิพากษ์วิจารณ์ทันทีเลยนะครับ โดยเฉพาะคนที่ด้านเดียว ใช้คำว่าด้านเดียวนะครับ ทัศนคติเชิงลบต่อเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทัศนคติเชิงลบต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่นะครับ เขาบอกว่าโครงการนี้เป็นยังไงไปแล้วล่ะ เห็นไหมโจรอาศัยแอบแฝงโครงการเข้ามาทำทีว่ามอบตัว แล้วก็ใช้เหตุที่ตัวเองเข้ามามอบตัวแล้ว เจ้าหน้าที่อาจจะไม่ระมัดระวัง ก็กลับไปก่อเหตุอีกครั้งนึง การที่ตัว         เองมาเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน ก็ทำให้ไม่ต้องถูกรับโทษหรือรับคดีทางอาญานะครับ ผมต้องเรียนแบบนี้ครับคุณยุคล ท่านผู้ชมครับ อย่าไปเต้นตามกระแส ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เนี่ยนะครับที่เคยยุติและบรรเทาเบาบางมาแล้วเนี่ย หรือสงครามปฏิวัติหรือสงครามทางการเมืองที่ไหนก็แล้วแต่ล่ะครับ ไม่สามารถยุติได้ด้วยการใช้ความรุนแรงหรือด้วยการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ห้ำหั่นกัน ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด แต่การปฏิบัติการทางอาวุธ การปฏิบัติการทางกำลังยังจำเป็นไหม จำเป็นครับ จำเป็นอย่างไร จำเป็นตรงที่เพื่อใช้ป้องกันหรือปราบปรามประเภทที่ไม่ยินยอมนะครับ แต่หลักการอันสำคัญในการแก้ไขปัญหา เราเรียกว่าต้องใช้การปฏิบัติการทางการเมือง ต้องเอาการเมืองนำการทหาร พูดง่ายๆอย่างนี้ เอาการเมืองนำการทหารแก้ไขปัญหาสงครามการเมืองและเหตุที่เกิดขึ้นอย่างนี้ในประเทศไทยมาหลายครั้งแล้ว นับตั้งแต่สมัยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจนมาถึงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เองก็ตามเถอะ มันมาเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นก็ในสมัยรัฐบาลทักษิณที่ปล่อยให้มีการไล่ล่าฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างมากมาย จนนำไปสู่เหตุการณ์ปล้นปืนขึ้นในปี พ.ศ.2547 เดือนมกราคม ทีนี้ต้องกลับมาดูนะครับว่าโครงการพาคนกลับบ้านเนี่ยนะครับ มันเกิดขึ้นในสมัยที่พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 นะครับ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2555 ตอนที่ริเริ่มโครงการนี้เนี่ยนะครับ มีผู้ที่เห็นต่าง เราใช้คำว่าผู้เห็นต่างนะครับ ซึ่งถือว่าเป็นศัพท์ที่ถูกต้องนะครับได้เข้าร่วมโครงการ 93 คน เอาที่ดังๆในตอนนั้นนะครับก็ แวอาลีคอปเตอร์ วาจิ นะครับที่มีหมายจับในคดีปล้นปืนร่วมกับมะแซ อุเซ็ง หลังจากวันนั้นแล้วจนมาถึงวันนี้เนี่ยนะครับมีคนที่เห็นต่างเข้าร่วมโครงการนะครับ ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ตัวเลขนะครับ 5 กุมภาพันธ์ 2560 เนี่ย มีจำนวน 4,432 คน ไม่น้อยทีเดียวครับ 4,432 คน เนี่ยนะครับ เราลำดับไล่เรียงการทำงานเป็นปีของเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้นะครับ แล้วก็ภายใต้โครงการนี้นะครับ ตั้งแต่ 11 กันยายน 2555 จนสิ้นปีงบประมาณ 2558 เนี่ยนะครับ รวมระยะเวลา 3 ปี มีผู้เห็นต่างเข้าร่วมโครงการ 1,996 คน หลังจากนั้นนะครับในปีงบประมาณ 2559  ปีเดียวเนี่ยนะครับ ตั้งแต่ 1 ตุลา 58 ถึง 31 กันยา 59 เนี่ยนะครับ มีผู้เห็นต่างเข้าร่วมโครงการถึง 2,407 คน ตัวเลขปี 2559 เนี่ยนะครับ ปีเดียวเนี่ยสูงกว่า 3 ปี รวมมาแล้ว 4,432 คน ตัวเลขแบบนี้บอกถึงอะไรครับ มันบอกถึงทิศทางการรุกทางการเมืองที่ได้ผล ย้ำนะครับ แม้ผู้เห็นต่างหรือคนที่ร่วมในขบวนการก่อการร้ายบางคนอาจจะไม่ได้ยินยอมพร้อมใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สถานการณ์เนี่ยมันเท่ากับถูกบีบบังคับ ในทางการเมืองเนี่ยอำนาจรัฐให้รุกอย่างน่าสนใจ ต้องย้ำแบบนั้นนะครับ เมื่ออำนาจรัฐได้รุกอย่างน่าสนใจและผู้เข้าร่วมโครงการแบบนะครับ 4,432 คนเนี่ยอาจจะมีครับ ที่เป็นแบบสุไฮมิง สะมะแอ อีกสิบยี่สิบคน ไม่แน่ แต่ถ้าเราดูสัดส่วนผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นแล้วเนี่ยนะครับต้องถือว่าเป็นโครงการที่ได้ผล เพราะฉะนั้นนะครับอย่าไปเต้นตามโจรนะ โจรน่ะไม่ชอบโครงการนี้หรอกครับ เพราะฉะนั้นเมื่อมีการเปิดประเด็นขึ้นมา เห็นไหมโครงการพาคนกลับบ้านโจรเนี่ยแอบแฝงเข้ามา มาอยู่ในโครงการพาคนกลับบ้านแล้วกลับมาเหตุก่อการร้ายถือว่าเป็นส่วนน้อยนะครับ ก็ขออนุญาตเรียนข้อมูลให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ