แฉลึก! อย่าเข้าใจผิด"เสี่ยเปี๋ยง-ผู้พ่อนอนคุก" เพราะคดียักยอกข้าวอิหร่าน2 หมื่นตัน ขณะอายัดทรัพย์"บุตรชาย"เมื่อวาน คดี"จีทูเจี๊ยะ-ยุคหญิงปู"

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews

 

แฉลึก!! อย่าเข้าใจผิด "เสี่ยเปี๋ยงผู้พ่อ และเป็นคนสนิทนายใหญ่" พ่อค้าข้าวผู้อิงแอบอยู่กับอำนาจการเมืองชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ และมีข่าวว่าป่วยกระเสาะกระแสะนั้น แท้จริงเป็นผลกรรมที่เกิดจากคดียักยอกข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องส่งไปขายให้ประเทศอิหร่านจำนวน 2 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยเสี่ยเปี๋ยงมีเจตนาทุจริตที่จะเบียดบังทรัพย์ของราชการไปเป็นของตน เรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง "บริษัท เพรสซิเด้นท์อะกริ จำกัด" ซึ่งตัวเสี่ยเปี๋ยงเป็นเจ้าของ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกเสี่ยเปี๋ยงเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา...นั่นเองจึงเป็นเหตุให้...พ่อค้าข้าวคนดัง...คนสนิทนายใหญ่แห่งระบอบทักษิณ...ต้องระเห็จเข้าไปอยู่ในคุกในชั้นศาลอุทธรณ์ ขณะที่ "ป.ป.ง." สั่งอายัดทรัพย์ "บุตรชายของเขา" เมื่อวานนี้ เกิดจากคดี "จีทูจีเก๊" ยุค "นารีปู" ที่มี "นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สมัยนั้น และเขาเองก็ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ก่อนหน้านี้ ป.ป.ง. ได้ทำการอายัดไปแล้ว 7 ครั้ง โดยคำสั่งอายัดทรัพย์ส่วนใหญ่ เป็นโฉนดที่ดินใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อ่างทอง กว่า 300 ฉบับ ส่วนทรัพย์สินที่ ป.ป.ง.ทำการอายัดในครั้งนี้ มีทั้งหมด 377 รายการ รวมค่าประเมินทั้งสิ้น 687,835,323 บาท ซึ่งหนึ่งในทรัพย์สินที่ถูกอายัดครั้งนี้ พบชื่อผู้ครอบครอง คือ "นายสรวิช จันทร์สกุลพร" หรือบุตรชายของเขานั่นเอง...นั่นแหล่ะจึงเป็นที่มาของ...ลามไปถึงรุ่นลูก...อันเกิดจากการทุจริตของผู้พ่อ...เหมือนกับจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

 

ทั้งนี้ สำหรับคดีการยักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องส่งไปขายอิหร่าน 2 หมื่นตัน มูลค่า 200 ล้านบาทที่ส่งให้เสรี่ยเปี๋ยงเข้าไปนอนคุก (เป็นคนละคดีกับการที่เขาเป็นจำเลยในคดีการทุจริตระบายข้าวจีทูจี ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมนายบุญทรงอย่างที่บอก) ต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2557 หรือเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อศาลแขวงสมุทรปราการ มีคำพิพากษาในคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง บริษัทเพรสซิเด้นท์อะกริ จำกัด กับนายอภิชาติ เป็นจำเลยฐานยักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องส่งไปขายอิหร่านดังกล่าว


โดยมีข้อเท็จจริงตามสำนวนว่า จำเลยทั้ง 2  (บริษัท เพรสซิเด้นท์อะกริ กับเสี่ยเปี๋ยง-ผู้เขียน) รับข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ไว้ในครอบครอง เพื่อเอาไปปรับปรุงข้าว แล้วมีเจตนาทุจริตเบียดบังทรัพย์เป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวจำเลยได้ขายข้าวจำนวน 2 หมื่นตัน ไปให้ประเทศอื่นในนามของบริษัท จึงเป็นการผิดสัญญากับรัฐ จึงเป็นความผิดยักยอกทรัพย์ รวม 2 สำนวน ลงโทษจำคุกสำนวนละ 3 ปี ปรับบริษัทสำนวนละ 6 พันบาท รวมจำคุก 6 ปี ปรับรวม 12,000 บาท 

จากนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค1 มีคำพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายอภิชาติ สำนวนละ 3 ปี ปรับสำนวนละ 6,000 บาท รวมจำคุกสองสำนวนเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ 12,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมคืนข้าวสารที่ยักยอกไปในสำนวน อ.833-834/2558 จำนวน 16,400 ตัน หรือใช้เป็นเงินแทนจำนวน 175,480,000 บาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย และให้ร่วมกันคืนข้าวสารในสำนวน อ.835-836/2558 จำนวน 4,742.96 ตัน หรือใช้เงินแทน 54,385,902.07 บาท (รวมวงเงิน 229,865,902.07 บาท) 

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก นายอภิชาติ จำเลย ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลชั้นต้น แต่เนื่องจากคดีนี้นายอภิชาติยังไม่ได้ยื่นฎีกาต่อสู้คดี และคดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง การที่จะยื่นฎีกานั้นจะต้องมีการรับรองฎีกาทำให้ขณะที่นายอภิชาติยังไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้ถูกส่งตัวเข้าคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ จากนั้นก็ปรากฎข่าวมาตลอดว่า นายอภิชาติ มีอาการป่วย จนถูกนำตัวส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลรัฐหลายครั้ง ว่าไปแล้ว หากนับแต่วันที่เขาถูกส่งตัวเข้ามาคุมขังที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ปัจจุบันถือว่านายอภิชาติ รับโทษคุมขังไปแล้วเกือบ ๆ 1 ปี ยังเหลือโทษที่ต้องรับต่ออีก 5 ปีทีเดียว


อย่างไรก็ตาม ความที่เป็นเศรษฐีใหญ่ มีอำนาจเงิน และอำนาจทางการเมืองอันแน่นหนาอยู่เบื้องหลัง ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า ญาติของนายอภิชาติ ได้เดินเกมใหม่ โดยวางเงินประกันที่ศาลจำนวน 175 ล้านบาท โดยนายสรวิศ-ผู้ลูกซึ่งเป็นผู้ครองครองทรัพย์สิน และถูกอายัดทรัพย์เมื่อวาน ได้ยื่นความประสงค์ขอให้มีการเจรจาเพื่อระงับข้อพิพากษา โดยอ้างบิดาได้ชำระค่าเสียหายจนครบถ้วนแล้ว ประกอบกับบิดาสุขภาพไม่แข็งแรง และถูกคุมขังในเรือนจำมาโดยตลอด 

 

ต่อเรื่องนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้ทำเรื่องหารือไปยังอัยการสูงสุด แต่ยังไม่รับคำตอบว่าจะเจรจายอมความหรือไม่ เพราะการเจรจาจะมีผลกระทบต่อคดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาชั้นฎีกา หากนายอภิชาติ หลบหนี ซึ่งจะมีผลไปถึงคดีการทุจริตระบายข้าวจีทูจีด้วย ขณะที่บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ยังเป็นบุคคลล้มละลาย และมีหนี้ในคดีแพ่งมากกว่าจำนวนเงินที่นายอภิชาติ นำมาวางศาลเพื่อไกล่เกลี่ยในคดีอาญา 

อย่างที่บอกไว้แต่ต้น คดีที่เสี่ยเปี๋ยงนอนคุกนั้น...คนละคดีกับ "จีทูเจี๊ยะยุค-หญิงปู" ซึ่งบุตรชายมีชื่อเป็นผู้ครองครองทรัพย์สิน และถูกอายัดทรัพย์เมื่อวาน...จนแทบจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน...หากไม่ตั้งสติให้ดี....และศึกษาอย่างถ่องแท้อาจเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ...ว่าคือเรื่องเดียวกัน...แต่แท้จริงไม่ใช่...เพราะแค่เรื่อง "ข้าว" เรื่องเดียวพวกเขาก็โกงกันแบบยุบยับ...และยอกย้อนหลายแง่หลายมุม...เกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิดมากนัก

 

ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก : isranews.org