- 18 พ.ค. 2560
รายการทีนิวส์สด ลึก จริงวันนี้ (18 พ.ค.60)รายงานข่าวดีเอสไอ จ่อเรียก "อนันต์ อัศวโภคิน" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีสมคบร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตคลองจั่น
รายการทีนิวส์สด ลึก จริงวันนี้ (18 พ.ค.60)รายงานข่าวดีเอสไอ จ่อเรียก "อนันต์ อัศวโภคิน" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีสมคบร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตคลองจั่น
ดีเอสไอ จ่อเรียก "อนันต์ อัศวโภคิน" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีสมคบร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตคลองจั่น หลัง ปปง.สั่งอายัดที่ดิน 8 แปลง ขณะที่ ปปง.สั่งอายัดเพิ่มแก๊ง "เสี่ยเปี๋ยง" ทุจริตจีทูจีข้าวอีก 687 ล้านบาท ทั้งโฉนด 300 ฉบับ-ทรัพย์สิน-ห้องชุด "สววิศ จันทร์สกุลพร" ลูกชายไม่รอด โดนคนเดียวกว่า 30 ล้านบาท
จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินคดีฟอกเงินจากการยักยอกทรัพย์ และฉ้อโกงประชาชนจากสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งมีการดำเนินคดี นายศุภชัย ศรี-ศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด ไปก่อนหน้าแล้ว และต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งออกหมายเรียกพร้อมกับแจ้งข้อหา น.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไปแล้วนั้น
โดยเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) แหล่งข่าวระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 พ.ค. ) ดีเอสไอจะมีการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีนายอนันต์ อัศวโภคิน ในความผิดฐานสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามมาตรา 5 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟ้องเงิน พ.ศ. 2542 และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการได้มีมติร่วมกันให้เรียกนายอนันต์ อัศวโภคิน มารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้
ซึ่งก่อนหน้านั้นการสอบสวนของ ดีเอสไอ.ได้สืบรายละเอียดเส้นทางการเงินของสหกรณ์ฯ โดยนายศุภชัย นำไปซื้อที่ดินในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้วใส่ชื่อตัวเอง และถูกดำเนินคดีในปี 2556 จึงขายที่ดิน 8 แปลงให้ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และขายให้ นางวรรณา จิรกิติ อีก 1 แปลง จำนวน 298 ล้านบาท แต่กลับไม่นำเงินส่งคืนให้สหกรณ์ฯ ในเบื้องต้น น.ส.อลิสา ชี้แจงว่า มีการซื้อขายและชำระเงินกันจริง โดยพนักงานสอบสวนจึงทำความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะนายศุภชัยกับพวก โดยเชื่อหลักฐานของ น.ส.อลิสา นำมาแสดงว่าเป็นการซื้อโดยสุจริต แต่ต่อมาสำนักคดีการเงินการธนาคาร ซึ่งรับผิดชอบเฉพาะคดีฟอกเงินของ พระธัมมชโย มูลนิธิวัดพระธรรมกาย และมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ หางนกยูง และพระลูกวัดอื่นๆ ที่มีชื่อรับเช็ค พบหลักฐานสำคัญเป็นร่องรอยธุรกรรมการเงินจากวัดพระธรรมกายโอนให้ น.ส.อลิสา เพื่อนำไปซื้อที่ดินทั้ง 8 แปลงดังกล่าว และถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนวัดพระธรรมกาย
ทั้งนี้ ปัจจุบันที่ดินดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งอาคารบุญรักษา สอดคล้องกับความเห็นในชั้นอัยการสั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มไปถึงผู้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย เพื่อนำมาซื้อที่ดินแปลงและนำมาสร้างโรงพยาบาลสำหรับ พระสงฆ์
อย่างไรก็ตามรายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า ยังพบที่ดินอีกหลายแปลงที่เข้าข่ายลักษณะฟอกเงินระหว่างบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กับวัดพระธรรมกายเช่นขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงไปพิสูจน์ที่ดินในเขตพื้นทื่จ.พิจิตร และมหาสารคราม ส่วนพฤติการณ์ฟอกเงินนั้นทางวัดพระธรรมกาย จะมอบเงินสดให้กับชาวบ้านที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้เนื้อเชื่อใจได้ไปตระเวนซื้อที่ดินแปลงสวยๆ ก่อนทำเรื่องยกให้กับทางวัดพร้อมมอบโฉนดไว้เฉยๆ โดยไม่โอนให้กับวัดเฉกเช่นที่กระทำโดยทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากหากทำเช่นนั้นที่ดินจะตกเป็นของสำนักพุทธศาสนา ทันที