ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่www.tnews.co.th

การอาพาธและการมรณภาพ

พ.ศ. 2523 ท่านเริ่มอาพาธ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่ออาการทุเลาจึงได้กลับวัด แต่ก็ยังไม่หายขาด คณะศิษย์จึงนิมนต์ท่านไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ อาการก็พอทรงตัวอยู่ได้บ้าง โดยคณะแพทย์ให้ยามาฉัน และแนะนำให้มารักษาตัวที่วัดอุดมรัตนาราม เพื่อจะได้พักผ่อนมากๆ

ครั้นต่อมาอาการทรุดลง จึงนำท่านไปรับการรักษาที่โรงพาบาลสกลนคร เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 อาการยิ่งทรุดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะตั้งแต่กลางเดือนลงไปปลายเดือน อาการทรุดหนักจากไม่รู้สึกตัว จนแพทย์ลงความเห็นว่าคงอยู่ได้ไม่นาน และได้เอกซเรย์ปอดของท่านดู พบว่ามีแต่รู เหมือนถูกอะไรแทง

แต่ครั้นถึงวันที่ 27 พฤษภาคม ท่านกลับรู้สึกตัวขึ้นมาเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมาก และเมื่อทราบว่าวันวิสาขบูชาตรงกับวันที่ 29 พฤษภาคม ท่านจึงบอกกับพระเณรตลอดจนคณะศรัทธาญาติโยมที่เฝ้าว่า อยากจะกลับวัดอุดมรัตนาราม เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลในวันวิสาขบูชาดังที่เคยกระทำมาทุกครั้ง เนื่องจากตามปกติแล้วเมื่อถึงวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และออกพรรษา ท่านจะนำพาพระเณร แม่ชี และศรัทธาญาติโยม ที่มาจำศีลที่วัดทำความเพียร โดยใช้อิริยบถ 3 คือ ยืน เดิน และนั่ง ตลอดทั้งคืน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

และอีกประการหนึ่งที่ทำให้หลวงปู่ท่านอยากกลับคือ ขณะที่ท่านยังอาพาธ มีโยมบ้านวา ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย นำวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่เป็นของโบราณมาฝากไว้กับท่าน เพื่อให้ท่านแผ่เมตตา เพ่งพลังจิตเพื่อให้วัตถุนั้นขลังยิ่งขึ้น เมื่อโยมนั้นทราบว่าท่านอาพาธหนักทำท่าจะไม่รอด จึงมาทวงคืน ท่านจึงอยากจะกลับวัดไปหาวัตถุมงคลนั้นคืนให้เจ้าของตามที่ต้องการ

ท่านกลับถึงวัดอุดมรัตนาราม ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 วันนั้นเป็นวันโกน ซึ่งตรงกับวันพุธ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 7 ท่านพระอาจารย์สูนย์ จนฺทวณฺโณ ได้รับภาระปลงเกศาให้ท่าน จากนั้นท่านก็หาวัตถุมงคลของโยมบ้านวาจนพบและก็ได้ส่งคืนเจ้าของเขาไป

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ กราบน้อมรำลึก วันละสังขาร "หลวงปู่อุ่น" แม้อาพาธหนัก ยังกลับมาเทศนาในวันวิสาขบูชา ก่อนจะละสังขารในวันถัดไป!!

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เนื่องในวันวิสาขบูชา ท่านได้ให้โอวาทแก่พระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา และญาติโยมที่มาเยี่ยมอาการอาพาธของท่าน มีใจความว่า “สพฺพปาบสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทธาน สาสนํ” การไม่ทำความชั่วทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึ่ง การยังจิตของตนให้ผ่องใสหนึ่ง นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ท่านอธิบายว่า เมื่อเราท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติตามนี้แล้ว ย่อมยังพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง คนเรานับถือศาสนาทุกวันนี้ ถือกันแต่เพียงในสำมะโนครัว ว่าถือศาสนาพุทธเท่านั้น ไม่ได้ปฏิบัติกันจริงจัง บ้านเมืองจึงมีความเดือนร้อน ถ้าทุกคนละเว้นความชั่วแล้วทำความดี ความสุขความเจริญย่อมจะมีอย่างแน่นอน ธรรม 3 ประการ คือ การไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี ทำใจให้ผ่องใส อีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “หัวใจพระพุทธศาสนา”

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ กราบน้อมรำลึก วันละสังขาร "หลวงปู่อุ่น" แม้อาพาธหนัก ยังกลับมาเทศนาในวันวิสาขบูชา ก่อนจะละสังขารในวันถัดไป!!

รุ่งเช้าวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 7 หลังจากฉันภัตตาหารเช้าแล้ว ท่านจะกลับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสกลนครอีก เพราะขออนุญาตแพทย์มาที่วัดเพียง 2 วันเท่านั้น ก่อนที่ท่านจะขึ้นรถเดินทางไปโรงพยาบาล ท่านได้พูดกับพระเณรและญาติโยมว่า “จะไปให้เขาฉีดยาให้ จักหน่อยก็จะได้กลับมาแล้ว”

ทุกคนต่างก็เข้าใจว่าท่านคงไม่เป็นอะไรมาก ไม่นานแพทย์คงจะให้กลับวัด เมื่อถึงโรงพยาบาลสกลนคร หลวงปู่ได้เข้าพักที่ห้องเบอร์ 8 ตึกสงฆ์อาพาธพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร หลังจากท่านฉันยาหลังฉันเพลเสร็จ อาการท่านกลับกำเริบ อาเจียน และอาการทรุดหนักลง จนถึงแก่มรณภาพลงในที่สุดเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 ด้วยอาการสงบ ท่ามกลางคณะแพทย์และคณะศิษย์หลายคน สิริรวมอายุได้ 71 ปี พรรษา 50 เหลือไว้เพียงแต่คุโณปการยิ่งที่มีต่อพระศาสนา และคำสอนของหลวงปู่ที่บอกให้ลูกศิษย์ลูกหาทุกคนจงทำความดี ทางคณะศิษย์ได้นำศพของท่านกลับวัดในวันนั้น สมกับคำพูดของท่านที่สั่งไว้ก่อนออกเดินทางว่า “จักหน่อย” ซึ่งแปลว่า “เดี๋ยวเดียว หรือไม่นาน”

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ กราบน้อมรำลึก วันละสังขาร "หลวงปู่อุ่น" แม้อาพาธหนัก ยังกลับมาเทศนาในวันวิสาขบูชา ก่อนจะละสังขารในวันถัดไป!!

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพและที่มาข้อมูล พระครูบริบาลสังฆกิจ - หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม