ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นพระยาช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นช้างสำคัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดงได้รับพระราชทานนามเต็มว่า พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวมนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ์ประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้า

พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นช้างพลายเผือกโท เกิดในป่าเขตจังหวัดกระบี่ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2494 ถูกคล้องได้ที่ บ้านหนองจูด ตำบลดินอุดม อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ เมื่อ พ.ศ. 2499 โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่องและนายปลื้ม สุทธิเกิด(หมอเฒ่า) เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลงช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆ อีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อย โดยในตอนนั้นพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ได้ชื่อว่า พลายแก้วมีความสูง 1.60 เมตร เมื่อพระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ)ได้ตรวจสอบคชลักษณ์แล้วพบว่าเป็นช้างสำคัญ จึงนำมาเลี้ยงไว้ที่สวนสัตว์ดุสิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยได้นำช้างพลายแก้วขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็นช้างต้น

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือกประจำรัชกาล ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เป็นปีที่ 13 ในรัชกาลที่ 9

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป) พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์ดุสิต และมีอาการดุร้ายมากขึ้นจนควาญช้างควบคุมไม่ได้ จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถมีพระราชเสาวณีย์ โปรดเกล้าฯ ให้นำพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐานซึ่งอยู่ตรงกันข้ามถนน เมื่อ พ.ศ. 2519 หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้บันทึกไว้ว่า

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

ในขณะที่นำคุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งเพียงแต่มีถนนคั่นอยู่สายเดียวนั้น คุณพระก็อาละวาดอย่างหนัก ไม่ยอมออกเดิน เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่

กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้น ก็กินเวลาหลายชั่วโมง ต้องใช้คนเป็นจำนวนมากถือปลายเชือกที่ผูกไว้กับขาคุณพระทั้งสี่ขา คอยลากคอยดึง และดูเหมือนจะต้องใช้รถแทรกเตอร์เข้าช่วยขนาบข้าง เสี่ยงอันตรายกันมากอยู่ แต่ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้

พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

ปัจจุบันพระเศวตอดุลยเดชพาหนได้ล้มลงแล้วในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553 ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

“พระเศวตอดุลยเดชพาหนะฯ” ช้างเผือกคู่พระบารมี รัชกาลที่๙ กับเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ (ชมคลิป)

 

ขอบคุณที่มา wikipedia

ขอบคุณคลิป A/AC / https://www.youtube.com/watch?v=yOC1e-X7X5k

ขอบคุณภาพ huahin.town