- 08 มิ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
หนังสือไทยรบพม่า พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นหนังสือประวัติศาสตร์เล่มแรก ๆ ที่เขียนถึงการรบระหว่างไทยและพม่า ซึ่งในความจริงแล้ว พม่าไม่ได้รบกับไทย แต่เป็นการรบกันระหว่าง พระเจ้าแผ่นดินอังวะ หงสาวดี รบกับพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีประเทศไทย สยาม หรือ สหภาพพม่า
ในประวัติศาสตร์ทั้งสองชาติจึงดูเหมือนว่าจะมีการสู้รบกันตลอดเวลา แต่ความจริงแล้วสำนึกในความเป็นชาตินั้น เพิ่งจะเกิดขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ ๔ โดยพระราชประสงค์ที่ทรงสร้างขึ้นมา เพื่อป้องกันการรุกรานจากการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจจากยุโรป จึงต้องสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาให้ตะวันตกเห็นว่า “สยาม” นั้นไม่มีความป่าเถื่อน และสร้างจิตสำนึกในชาติให้กับประชาชนมากขึ้น “ความเป็นประเทศไทย” หรือจิตสำนึกในชาตินิยม จึงเกิดขึ้นมาในยุคหลัง เช่นเดียวกับความเป็นสหภาพพม่า (ตอนหลังประเทศไทยเปลี่ยนวิธีการเรียกเป็น สหภาพเมียนมาหรือเมียนมา)
การทูตระหว่างสองประเทศนั้น เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 2-5 มีนาคม พุทธศักราช 2503 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหภาพพม่า เพื่อเพิ่มพูนสัมพันธไมตรีกับพม่าอย่างแน่นแฟ้น ดังปรากฏในภาพจากหนังสือ “จดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหภาพพม่า, ๒-๕ มีนาคม ๒๕๐๓” พิมพ์ปี 2529 โดยการจัดการของสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
โดยการเยือนดังกล่าวนั้น ยังเป็นการเยือนเมียนมาครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาติ ในโอกาสครั้งนั้นได้มี อู วิน หม่อง ประธานาธิบดีแห่งสหภาพพม่า นำเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง ประธานาธิบดีของเมียนมา ยังได้กราบบังคมทูลรับเสด็จ โดยพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า
“ประชาชนชาวพม่าและไทยมีความสัมพันธ์กันเพราะต่างนับถือพระพุทธศาสนา และมุ่งมาดปรารถนาจะร่วมมือกันเพื่อสันติ”
การเสด็จเยือนสหภาพพม่าหรือสาธารณรัฐเมียนมาในครั้งนั้น เกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยประเทศไทยได้รับความเสียหายจากสงครามอย่างมาก จำเป็นต้องรีบหาทางฟื้นฟูประเทศโดยเร็ว และจำเป็นจะต้องติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีพรมแดนติดกัน เนื่องจากการค้าขายกันระหว่างชายแดนของทั้งสองประเทศจะมีผลต่อทางด้านเศรษฐกิจในระยะยาว
ที่มา .bangkokbanksme.com