สนธิญาณ ชี้!!"สุเทพ"ชัดเจน หนุน"พลเอกประยุทธ์"เป็นนายกฯ เจตนาทำเพื่อประเทศชาติมากกว่าพรรคเก่าของตัวเอง

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ สดลึกจริง ช่วง "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 13 มิถุนายน 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

                สถาพร : เมื่อซักครู่ก็ได้พูดคุยกับทางด้านคุณสุเทพ เทือกสุบรรณไปนะครับ ท่านก็พูดถึงในเรื่องของทิศทางในการที่จะเดินต่อในเรื่องของการที่จะหนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ พี่ต้อยมีความคิดเห็นกับเรื่องดังกล่าวอย่างไรบ้างครับ

                สนธิญาณ : ผมก็ต้องเรียนอย่างนี้นะครับ ลูกผู้ชายชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณนั้น คำไหนเป็นคำนั้น เป็นคนจริง เป็นคนที่มีความตั้งใจเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง และวันนี้ชัดเจนล่ะครับ ไม่ได้เห็นกับพรรคการเมืองที่ตัวเองเคยสังกัดอยู่ เห็นอยู่กับแต่ประเทศชาติ คุณสุเทพประกาศหนุนพลเอกประยุทธ์เนี่ยนะครับ ต้องเรียนแบบนี้ โอกาสที่จะเกิดประโยชน์กับคุณสุเทพเนี่ยแทบไม่มีเลย เพราะในปัจจุบันตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ครองอำนาจมายาวนาน 3 ปี ก็ไม่เคยเอื้อหรือทำให้คุณสุเทพได้มีประโยชน์อะไร คดีความก็เป็นไปตามลำดับนะครับ แต่ในด้านกลับกัน หากคุณสุเทพหนุนพรรคประชาธิปัตย์และเดินหน้าให้เป็นรัฐบาลในทางลับๆ เพราะตัวเองประกาศอยู่แล้วว่าจะไม่เล่นการเมือง หากหวังประโยชน์ใดๆมันก็มีโอกาส เพราะเครือข่ายลูกน้องบริวารพรรคพวกคุณสุเทพในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีอยู่เยอะแยะนะครับ อันนี้แสดงให้เห็นได้ถึงจุดยืนของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณนะครับ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ แน่นอนครับ เมื่อกี้คุณสถาพรถามว่า พลเอกประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรล่ะ เพราะในภาคอีสานเนี่ยนะ เลือกตั้งกันมาเนี่ย เพื่อไทยทุกครั้ง เอาเลยเอาพรรคหลักๆเลย คู่แข่งกันเนี่ย ระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์เนี่ย 135 ที่นั่งในอีสานเนี่ย เพื่อไทยกวาดไปร้อยกว่าที่นั่ง บางช่วงบางระยะขึ้นถึง 120 พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ 2 เสียง 5 เสียง แต่วันนี้นะครับสิ่งที่จะต้องดูต่อ สิ่งที่คุณสุเทพพูด นั่นก็คือ การลงประชามติเนี่ยให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ แน่นอนว่าคนหนุนพลเอกประยุทธ์ถึง 16 ล้านคน ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 10 ล้านเศษๆ เกือบ 11 ล้าน คุณสุเทพใช้คำว่าพรรคใหญ่ไม่หนุนร่างรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นอย่าประมาทว่าพลเอกประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ พรรคใหญ่ที่คุณสุเทพพูดเนี่ยนะครับ เป็นอื่นไปไม่ได้หรอกครับคือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นะครับ วันนี้ก็ชัดเจนอีกนะครับ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็ยืนยันที่จะให้หัวหน้าพรรคหรือคนของตัวเองขึ้นมาในการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอด ก็ต้องเสนอชื่อคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อคุณสุเทพบอกว่าประชาชนต้องช่วยกันดูว่าจะทำยังไงที่จะหนุนให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายก พรรคไหนไม่เอาพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ต้องไปเลือก ก็มาช่วยเลือกพรรคที่หนุนพลเอกประยุทธ์ อันนี้ชัดเจนครับ ว่าคุณสุเทพยืนอยู่ตรงข้ามพรรคเก่าของตัวเองแล้วนะครับ แนวทางอย่างนี้เนี่ยนะครับจะทำการเมืองเองก็ทำไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวก็คือสร้างกระแสมวลชนนะครับ มวลชนประชาชนก็ต้องกลับมาคิดแล้ว เอ๊ะ อย่างนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ก็ต้องกลับมาดูล่ะครับว่าจะเกิดพรรคการเมืองที่หนุนพลเอกประยุทธ์ขึ้นหรือเปล่า ที่ผ่านมาชัดเจนครับมีคุณไพบูลย์ นิติตะวันประกาศจะตั้งพรรค จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาหนุนพลเอกประยุทธ์เพื่อปฏิรูปการเมือง เพื่อทำให้เกิดน้ำดีขึ้น ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังเงียบอยู่ ยังไม่รู้ว่ากระแสจะขึ้นมาถึงไหน และผู้คนมากตาที่เข้ามาร่วมพรรคจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เชื่อถือหรือไม่ แต่ปลายทางเนี่ยดูแล้วแนวโน้มเนี่ยนะครับว่าจะเกิดพรรคการเมืองที่หนุนพลเอกประยุทธ์เนี่ยขึ้นหลายพรรค ดูจากกระแสของ 50 ส.ส. ซึ่งไปรวมตัวกันจากกรณีการเชื้อเชิญของคุณวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อันนี้มองข้ามไม่ได้นะ เพราะว่าการเดินของคุณวิวรรธนไชยในครั้งนี้เนี่ย ขยับพูดโต้งๆๆเลยว่าหนุนแนวทางคุณสุเทพ หนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายก และที่น่าสนใจ ย้ำนะว่าที่น่าสนใจ จำนวนหนึ่งที่มาร่วมกับคุณวิวรรธนไชยในขณะนี้เป็น ส.ส.ในภาคอีสาน อันนี้มีนัยยะนะครับ ผมจะย้อนรอยว่าในภาคอีสานเนี่ยเพื่อไทยคุมอยู่ร้อยเสียงนะครับ แม้โดยประชามติเนี่ยนะครับภาพรวมจะชนะนะ แต่ใน 20 จังหวัดภาคอีสานเนี่ย 15 จังหวัดโดยประมาณนะครับจำตัวเลขไม่ได้ แพ้หมดนะ ประชามติเนี่ยนะครับ แสดงว่าเสียงทักษิณเนี่ยยังแน่นหนาอยู่นะครับ ใน 20 จังหวัดเนี่ย 10 กว่าจังหวัดเนี่ยเขาชนะนะ ย้ำแบบนี้ใน 10 กว่าจังหวัดเนี่ยเขาชนะนะครับ ดังนั้นเนี่ยกลุ่มของคุณวิวรรธนไชยเนี่ยก็มีความหมาย ความหมายก็คือว่าถ้าไปแยกเสียงของเพื่อไทยในอีสานออกมาได้ ก็ทำให้เพื่อไทยทรุด ถ้าเพื่อไทยทรุดรวมๆกันแล้วเนี่ยนะครับ พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยรวมกันแล้วไม่ถึง 250 เสียง ถ้าสองพรรครวมกันไม่ถึง 250 เสียงเนี่ย ก็อาจจะเกิดปรากฎการณ์ทางการเมือง คือพรรคอื่นทุกพรรคร่วมหนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายก แต่ก็เหนื่อยล่ะครับ ปรากฏการณ์ทางการเมืองแบบนี้ เหนื่อยก็คือคำว่าหลายพรรคนะครับก็หลายเรื่องหลายราว พลเอกประยุทธ์จะมายอมเป็นหรือไม่ นี่ก็ต้องจับตาดูกัน ความหมายพลเอกประยุทธ์จะยอมเป็นหรือไม่เนี่ยก็เพราะว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ต้องมีการเสนอชื่อนะคุณสถาพร ต้องได้รับการเสนอ ซึ่งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเนี่ยต้องได้รับการยอมรับด้วย ก็ต้องมาดูกันว่าถึงเวลานั้นพลเอกประยุทธ์จะยอมรับการเสนอชื่อแทนพรรคการเมืองไหน แน่นอนครับ พรรคการเมืองนั้นย่อมมีภาษีที่จะทำให้เกิดกระแสขึ้น แต่เครือข่ายพื้นฐานผมเรียนนะระบบการเลือกตั้งก็จะขัดแย้งอยู่ในระบบนะครับ ดังนั้นต้องมีส.ส.เก่าจำนวนหนึ่งซึ่งไปรวบรวมตั้งพรรคขึ้นมาแล้วมาหนุน ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วง คนก็จะจับตาดูว่าจะเป็นนอมินีพลเอกประยุทธ์เลือกตั้งหรือเปล่า เมื่อก่อนทหารก็เคยมีนะครับแบบนี้ แต่ว่าพลเอกประยุทธ์เนี่ยมองไม่ว่ามุมไหนไม่มีทางทำแบบนั้น เพราะโดยพื้นฐานทั่วไปก็ถือว่าได้ปฏิเสธในการที่จะมีอำนาจต่ออยู่แล้ว สิ่งที่ทำสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ชัดเจนว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง แก้ไขปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองที่ค้างคาอยู่ เอาปัญหาใหญ่ปัญหาที่ชัดเจนก็เหมือนผมเรียนแหละครับ การที่คุณสถาพรถามคุณสุเทพเมื่อซักครู่ล่ะครับว่าบ้านเมืองนี้นะครับคนชุดดำ แกนนำเสื้อแดง รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นพวกเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ยังคงดำรงคงอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้จับใคร คนยังเคลื่อนไหว แถมวันนี้ชัดเจน บางพวกบางส่วนของคนชุดดำของคนเสื้อแดงประกาศตัวจะเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสหพันธรัฐไท ซึ่งไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขซะด้วยซ้ำ