- 19 มิ.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีที่ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และแกนนำ กปปส. ออกมาเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งระดับสารวัตรตำรวจ ถึงรองผู้บังคับการ ประจำปี 2559 และล่าสุดนางสมศรี หาญอนันทสุข ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ ได้เดินทางมายื่นหนังสือที่ศูนย์บริการประชาชนทำเนียบรัฐบาล ถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งตั้งคกก.ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ก็ได้วิเคราะห์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า
"สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ครับวันนี้วันที่ 18 มิถุนายน 2560 ครับ นักตั้งแต่ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย และอดีตแกนนำ กปปส. ได้ออกมาเปิดโปงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจแล้ว กระแสการเรียกร้องให้ปฎิรูปตำรวจก็กระฮึ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ได้มีคณะผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) ได้มายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อสนับสนุนให้ปฏิบัติตาม มาตรา 260 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ได้เสนอควรจะมีคุณสมบัติ 5 ข้อ คือ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความมุ่งมั่นในการปฏิรูปตำรวจ 2.กรรมการที่มาจากตำรวจต้องเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์ มีสัมมาทิฐิ ต้องยึดมั่นในความยุติธรรม ความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ 3.คณะกรรมการไม่ทำตัวเป็นอุปสรรค ขัดขวางการปฏิรูปตำรวจ หรือเข้ามาเพื่อรักษาอำนาจ ผลประโยชน์ หรือคอยปกป้องวัฒนธรรมการทำผิดขององค์กรตำรวจ 4.มีอุดมการณ์เพื่อการทำดีให้คนทั้งประเทศ เสียสละเพื่อการปกป้องความยุติธรรม ความถูกต้อง และมีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
และข้อ5.ต้องไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่เป็นผู้ที่นิยมการเล่นพรรคเล่นพวก มีความเป็นอิสระจากอำนาจอิทธิพลใดๆ น่าสนใจครับถ้าเราลองย้อยกลับไปดู คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ในคณะกรรมการประสานงานระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมี พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ ข้อเสนอของกรรมการชุดนี้จะเห็นได้ว่าเน้นขยาย และสนับสนุนการทำงานของตำรวจ เช่นต้องปรับปรุงเงินเดือนตำรวจให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ปรากฎว่ามีข้อเสนออื่นตามมาอีกมากมายเพื่อที่จะขยายองค์กรตำรวจให้ใหญ่โตขึ้นยิ่งกว่าเดิม เรื่องดังกล่าวนี้น่าจะสวนทางกับแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ยืนยัน การปฎิรูปตำรวจต้องรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด โดยเฉพาะการปรับประเด็นหลักคือ ตำรวจต้องขึ้นกับใคร สามารถทำงานได้ดีหรือไม่ การดูแลข้าราชการตำรวจจะดีพอหรือไม่ การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนในต้นทางจะทำได้อย่างไร กระบวนการสอบสวนต้องดูว่าสามารถแยกได้หรือไม่ และมีผลดีผลเสียอย่างไร เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชน ซึ่งผมมีแนวคิดให้ตำรวจพื้นที่ขึ้นกับกอ.รมน.จังหวัดได้หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดต้องมีหลักการและความชัดเจนเรื่องสายบังคับบัญชาและวิธีการปฏิบัติงาน หลังจากนั้นก็ได้กล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ตนมีความเห็นส่วนตัวเพิ่มว่าจะมีทางหรือไม่ที่จะให้ตำรวจเป็นตำรวจพื้นที่ ขึ้นอยู่กับจังหวัดนั้นๆได้หรือไม่ และไปอยู่ในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จังหวัด แต่จำเป็นต้องมีหลักการ มีความชัดเจนเรื่องสายการบังคับบัญชาและวิธีการปฏิบัติงาน ถ้าเป็นการที่จะทำให้เกิดความสามารถมากขึ้น ก็จะต้องกระจายอำนาจเหล่านี้ออกไป ส่วนการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดี หรือการเป็นจุดเริ่มต้องของกระบวนการยุติธรรม ถ้าจบภายในจังหวัดได้คือมีกลไกของตำรวจตรงนี้ ก็จะช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดลดปัญหาที่จะเข้ามาส่วนกลาง นี่เป็นแนวคิดของตน แต่ยังไม่ใช่ข้อยุติ พล.อ.ประยุทธ์ นำเสนออย่างนี้แน่นอนละครับวงการตำรวจในขณะนี้ต้องหนาวๆร้อนๆแน่ และยิ่งมาฟังคำให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.
ก็ยิ่งจะทำให้สำนักงานตำรวจทั้งสำนักงานสั่นสะเทือนแน่นอน เพราะหลังจากนายวิทยา แก้วภราดัย ออกมาเปิดเผยแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมาพูดในเรื่องนี้เช่นกันว่า ตนก็รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตายกันเสียทีว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง ก็ให้ตรวจสอบทั้งหมด เชื่อว่าแนวคิดการปฎิรูปตำรวจน่าจะเป็นไปในทิศทางดีขึ้นตามแนวความคิดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นเดิมพันสำคัญของ คสช. และพล.อ.ประยุทธ์ เพราะประเด็นใหญ่ 2 ประเด็นที่ประชาชนเรียกร้องเสมอมาก็คือ การปฎิรูปพรรคการเมือง การปฎิรูปนักการเมือง ซึ่งถือว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำมาจนเข้าตาประชาชนแล้ว ยังค้างอยู่ก็คือการปฎิรูปตำรวจนั่นเอง