ชาวบ้านโวย!!! ชาวชุมชนบางปิ้งกว่า 150 คน บุกศาลากลางจังหวัดร้องผู้ว่าฯถูกไล่ที่ (มีคลิป)

          เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 มิ.ย.2560  ที่หน้าศาลาประชาคมในศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ชาวบ้านชุมชนบางปิ้งกว่า 150 คน ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปรากาา เพื่อพบผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ร้องขอความเป็นธรรมในกรณีถูกขับไล่ที่อยู่อาศัย นำโดย นางนุชนารถ แท่งทอง ประธานเครือข่ายสลัมสี่ภาค  แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ติดราชการ นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รอง ผอ.รมน.สมุทรปราการ พ.ต.ท.โสภณ ภูนุช รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้เชิญ นางนุชนารถ แท่งทอง และตัวแทนชาวบ้านอีก 5 คน เข้าร่วมประชุมกันที่ห้องประชุมชั้นล่างศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ โดยชาวบ้านชุมชนบางปิ้ง อยากให้เจ้าหน้าที่ทางราชการช่วยเจรจากับเจ้าของที่ดินให้ช่วยผ่อนผันระยะเวลาในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่งทางหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการจะได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ

 

     

     ส่วนสาเหตุที่ชาวบ้านยกพวกมาร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ก็เพราะทราบข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่บังคับคดีและตำรวจเข้ามาในชุมชนบางปิ้งเพื่อจับกุมผู้ที่ขัดคำสั่งศาล โดยได้มีการจัดเวรยามคอยป้องกันเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 15.30 น. แต่เนื่องจากเมื่อวานเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่บังคับคดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุมชาวบ้านชุมชนบางปิ้งซึ่งเป็นคนแก่อายุระหว่าง 75 -80 ปี จำนวน 5 คน ที่ไม่ยอมออกจากพื้นที่ชุมชนบางปิ้ง ม.8 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ  โดยชุมชนบางปิ้งเนื้อที่ 35 ไร่ ที่ดินเป็นของเอกชนรายหนึ่งซึ่งเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ได้ให้ชาวบ้านกว่า 350 หลังคาเรือน มาปลูกบ้านอาศัยโดยเก็บค่าเช่าที่ ต่อมาเมื่อหลายปีก่อนที่ดินแปลงดังกล่าวได้มีการขายให้เอกชนรายใหม่  ซึ่งเมื่อเอกชนรายใหม่ทราบว่าถนนสุขุมวิทตรงชุมชนบางปิ้งจะทำเป็นสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส จึงได้ขอให้ชาวบ้านที่เช่าที่ดินย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อที่จะได้นำที่ดินมาทำเป็นคอนโดนิเนียมขาย แต่ชาวบ้านชุมชนบางปิ้งไม่มีใครยอมย้ายออกไป ทางเจ้าของที่ดินจึงได้มีการฟ้องศาลแพ่ง ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นชาวบ้านชุมชนบางปิ้ง รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินดังกล่าว ซึ่งเจ้าของที่ดินได้มีการจ่ายเงินค่ารื้อถอนให้รายละ 7 หมื่นบาท มีชาวบ้านประมาณ 150 หลังคาเรือนที่ยอมย้ายออกไป  แต่ก็ยังมีชาวบ้านอีกกว่า 200 หลังคาเรือนไม่ยอมย้ายออกไป  ชาวบ้านบางรายอ้างว่ายังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ บางรายก็ว่าให้เงินค่ารื้อถอนน้อยเกินไป ชาวบ้านจำนวน 165 หลังคาเรือนได้มีการกู้เงินสหกรณ์เพื่อนำไปซื้อที่ดิน 3 แห่งบริเวณแถวคลองด่าน  จำนวน 9 ไร่ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ระหว่างนี้รอการถมดิน จึงอยากให้เจ้าของที่ดินช่วยผ่อนผันการรื้อบ้าน  ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่บังคับคดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมชาวบ้านหลายรายที่ขัดคำสั่งศาลแพ่ง ก็เป็นไปตามกฎหมาย

          นางนุชนารถ แท่นทอง อายุ 49 ปี ประทานเครือข่ายสลัม 4 ภาค ได้เปิดเผยว่า พอดีเมื่อวานนี้ชุมชนบางปิ้ง ได้เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปจับกุมชาวบ้านดำเนินคดีในเรื่องข้อหาไล่ลื่อถอนบ้าน แต่ว่าไม่ได้ไล่ลื่อ แต่ใช้วิธีการออกหมายจับ ซึ่งมันเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านมาก อายุ 80 กว่าปี โดนจับ 5 ราย ก็มีการเจรจา ชาวบ้านก็ออกมาพูดว่าขอให้ปล่อยก่อนเราไม่มีเงินที่จะไปประกัน แล้วถ้าคนแก่เข้าไปติดคุกในวันนั้น ซึ่งไม่ได้ส่งศาล มันจะเดือดร้อน วันนี้เราเลยรู้สึกว่า เราเลยมาหาผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจะหาแนวทางการแก้ปัญหา เพราะว่าชุมชนบางปิ้งมีการแก้ปัญหาเดินหน้าไปกว่าครึ่งแล้วซึ่งมีการซื้อที่ดินจ่ายเงินเรียบร้อย เหลือการพัฒนาที่ดินในพื้นที่ที่จะอยู่อาศัยใหม่เท่านั้นเอง เราไม่เคยเจอเจ้าของที่ดิน เพียงแต่เราเจอแต่ตัวแทนเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นทนาย ซึ่งใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมมาก เราฟังแล้วแบบสะเทือนใจมาก เขาบอกว่าเขาไม่เสียเงินแล้วเขาจ่ายให้ทหาร ตำรวจ ไปหมดแล้ว พูดแบบนี้เราเลยรู้สึกว่า เอะทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เข้าข้างชาวบ้านของเราเลย มันจึงทำให้เกิดเหตุการณ์วันนี้ขึ้น อย่างน้อยวันนี้เราได้มาพบพ่อเมือง คือผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมาขอความเป็นธรรมกับเขา เพื่อให้อยู่ข้างคนจนบ้าง แล้วหาทางออกร่วมกันเพื่อจะลดข้อผิดพลาดระหว่างเจ้าของที่ดินกับชาวบ้าน

       

    ซึ่งขณะนี้ทางภาครัฐอยู่ระหว่างจัดซื้อที่ดินอีกแปลงหนึ่งกำลังถมที่ อีกแปลงหนึ่งกำลังเข้าพื้นที่ถมที่ในวันที่ 25 นี้ การพัฒนาที่ดินเราทำไปตามนโยบายของรัฐคือโครงการบ้านมั่นคง ชาวบ้านได้รับอนุมัติงบประมาณแล้วชุมชนแรก 30 กว่าล้าน ชุมชนที่สองประมาณ 15 ล้าน ในการพัฒนาที่ดินแปลงใหม่ ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการที่จะเข้าไปอยู่ในที่ดินใหม่ได้โดยทำบ้านชั่วคราวก่อน นี้คือสิ่งที่เราทำ แล้วเรียกว่าความคืบหน้า ไม่ได้จะยึดที่เขา แล้วก็บอกด้วยว่ากระบวนการต่าง ๆ เขาไม่เคยฟัง ขอเวลาประมาณ 1 ปี ถ้าเกิดอยากจะช่วยก็อยากให้เข้ามาทำกระบวนการได้เร็วขึ้น หางบประมาณมาช่วยเขาสนับสนุน ไม่ใช่ให้ 7 หมื่น บอกออกภายใน 1 เดือน   ที่ผ่านมาคนที่ได้รับ 7 หมื่น ออกภายใน 1 เดือน พอเงินหมดก็ย้ายกลับมาปลูกเพิงอยู่ เพราะไม่มีตังที่จะไปเช้าบ้านอยู่กลายเป็นคนไร้บ้าน อันนี้คือการแก้ปัญหาแบบใช้เงินฟาดหัว แต่ไม่ใช่วิธีการหลักความเป็นธรรม ว่าจะทำยังไงให้เขาไปมีความมั่นคง ทำยังไงจะเขาไม่เป็นคนไร้บ้าน ไม่ไปบุกรุกที่อื่นต่อ อันนี้คือสิ่งสำคัญ        

นางสาวพนิดา ทองรบ อายุ 34 ปี ชาวชุมชนบางปิ้ง ได้เล่าว่า สมัยก่อนที่ตรงนี้จะเป็นของพระยารัฐพี ท่านก็ใจดีให้ที่คนยากคนจนเช่าอยู่ แต่ก่อนจะเสียค่าที่ตั้งแต่ 2 บาท ขึ้นไปจนครั้งล่าสุดที่เสียก็ประมาณ 160 บาท แล้วก็ช่วงที่เขาไล่ที่ปลายปี 2557 ก่อนนั้นเราก็ยังเสียค่าเช่าที่อยู่ ทุกเดือน พอคนย้ายออกเขาก็ทุบเลย ถ้าเกิดคุณรับเงินภายในอาทิตย์นี้เขาก็ทุบเลยลื่อเลยอย่างนี้ค่ะ ยอดครั้งล่าสุดก็ 4 หมื่น ออกภายใน 6 เดือน แต่ว่าบางคนที่เขารับเงินไปเขาก็ไปไม่รอดเขาก็กลับมาอยู่ที่ชุมชน สุดท้ายเขาก็จะสร้างคอนโด จะไม่ให้เหลือทัศนียภาพที่ไม่ดีเลย

   เบื้องต้น พ.อ.ประเทือง แก้วถุย รอง ผอ.รมน. ได้รับเรื่องแล้วจะนำเรื่องเข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเข้าประชุม แล้วจะนัดบุคคลที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารื่ออีกครั้งในวันศุกร์หน้าช่วงเช้า

ภาพ/ข่าว ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต  นาคขำ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์    จ.สมุทรปราการ