ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ เรียกรับเงิน รวม 4 คดี รายละเอียดดังต่อไปนี้

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลข้าราชการ ผู้บริหารและข้าราชการส่วนท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้อง กรณีโกงแวตพันล้าน 1 คดีจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ 1 คดีและเรียกรับเงิน 2 คดีรวม 4 คดีดังนี้ 1. เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย (1) นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 (2) นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ (3) นางศศิพิมพ์บรรดาเสียง (4) นางสาวอารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่ สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 และบุคคลที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย (1) นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ (2) นายวีรยุทธ แซ่หลก (3) นางสาวสายธาร แซ่หลก (4) นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ (5) นายประสิทธิอัญญโชติ กรณีร่วมกันทุจริตในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ จำนวน 1,113,034,083 บาท จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้มีการแบ่งงาน กันทำเป็นขบวนการ โดยร่วมกันจัดหาราษฎรเพื่อไปขอจัดตั้งบริษัทส่งออก แต่ไม่มีการประกอบการจริง และดำเนินการ ออกใบกำกับภาษีเท็จ ทั้งที่ไม่มีการส่งออกสินค้าจริง แล้วน าหลักฐานใบกำกับภาษีปลอมไปยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับ เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ที่ถูกกล่าวหาข้างต้น โดยในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เจ้าหน้าที่สรรพากร พื้นที่สมุทรปราการ 1 ดังกล่าว ไม่ดำเนินการตรวจสอบตามระเบียบหลักเกณฑ์วิธีการที่กรมสรรพกรกำหนด เป็นเหตุให้ มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ จำนวน 1,113,034,083 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่านายพายุ สุขสดเขียว นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ นางศศิพิมพ์บรรดาเสียง และนางสาวอารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทาง อาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ส าหรับนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ นายวีรยุทธ แซ่หลก นางสาวสายธาร แซ่หลก นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ และนายประสิทธิอัญญโชติ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด ให้ส่งรายงาน การไต่สวนไปยัง อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป นอกจากนี้ จากการไต่สวนยังพบว่ามีบุคคลที่ได้รับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ รวม 23 ราย แต่ไม่พบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าบุคคล ทั้ง 23 ราย และนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ได้รับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งอาจมีมูลความผิดฐานฟอกเงิน จึงมีมติให้ส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI) เพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน รวมทั้งถือได้ว่าบุคคลดังกล่าว เป็นผู้มีเงินได้ จึงให้ส่งกรมสรรพกร เพื่อเรียกเก็บภาษีเงินได้ เงินเพิ่ม และเบี้ยปรับด้วย  2. เรื่องกล่าวหานายชนม์สวัสดิ์อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ นางบารนี เลิศไพศาล ปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ และนางดวงเดือน แย้มละออ ผู้อำนวยการกองคลัง เทศบาลนครสมุทรปราการ กรณีทำสัญญาจ้างเก็บขยะมูลฝอยและกวาดถนนในเขตพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยกำหนดระยะเวลา ตามสัญญาจ้าง 5 ปีติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณ โดยมิชอบด้วยระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท ร่วมค้าแอดวานซ์ เทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท เมืองสะอาด จำกัด ในนามของ “กิจการร่วมค้าปากน้ำเมืองสะอาด” เพื่อทำการเก็บขนขยะมูลฝอยและกวาดถนนในเขตพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยข้อสัญญากำหนดให้ผู้รับจ้างต้องเขา ด าเนินการตามสัญญาจ้างเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2546 รวมเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน กำหนด วิธีการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท โดยกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น ได้มีหนังสือทักท้วงการทำสัญญาดังกล่าวว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่าหนึ่ง ปีงบประมาณโดยมิชอบ เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรปราการ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 ข้อ 38 ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการได้ มีหนังสือแจ้งให้เทศบาลนครสมุทรปราการทราบแล้ว แต่นายชนม์สวัสดิ์อัศวเหม และนางบารนีเลิศไพศาล ปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ กลับได้ร่วมกันจัดทำหนังสือชี้แจงว่าเทศบาลนครสมุทรปราการ สามารถก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณได้ในทุกหมวดรายจ่ายและทุกโครงการ ตามนัยข้อ 38 วรรคแรก แห่งระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 และเทศบาลนครสมุทรปราการได้ด าเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายครบถ้วนทุกประการแล้ว ต่อมาจังหวัดสมุทรปราการได้มีหนังสือแจ้งขอให้เทศบาลนครสมุทรปราการ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยเคร่งครัด โดยไม่อาจอ้างได้ว่าเทศบาลสามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหนึ่ง ปีงบประมาณได้ตามเหตุผลดังกล่าว และให้รายงานจังหวัดทราบต่อไป แต่นายชนม์สวัสดิ์อัศวเหม และนางบารนี เลิศไพศาล กลับมิได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแต่อย่างใด รวมทั้งมิได้ชะลอหรือยกเลิกสัญญาเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ระเบียบ กฎหมายของทางราชการกำหนด คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่า (1) นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ มาตรา 157 (2) นางบารนีเลิศไพศาล มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา แล้วแต่กรณีต่อไป สำหรับกรณีของนางดวงเดือน แย้มละออ จากการไต่สวนยังไม่ปรากฏพฤติการณ์และพยานหลักฐาน ชัดเจนเพียงพอว่าได้ร่วมกระทำความผิดแต่อย่างใด ข้อกล่าวหาจึงไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป 3. เรื่องกล่าวหานายอาวุธ หรือ ดร.อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง และนายวิสิทธิ์ ทองพรหม วิศวกรโยธา 8 วช เทศบาลเมืองบางบัวทอง กรณี(1) เรียกรับเงินจากผู้รับจ้าง เพื่อเป็น ค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. ป้องกันน้ าท่วมบริเวณริมคลองบ้านกล้วยฝั่งทิศใต้ของ เทศบาลเมืองบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี(2) เรียกรับเงินจากผู้รับจ้าง เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการ คืนเงินค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กรณีที่ (1) นายอาวุธ หรือ ดร.อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง ได้ท าสัญญาจ้าง บริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ให้ก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. เพื่อป้องกันน้ าท่วม ระยะเวลา 180 วัน วงเงิน 6,300,000 บาท แต่บริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามสัญญา โดยงานแล้วเสร็จเกินเวลาในสัญญา 262 วัน จึงต้องเสียค่าปรับวันละ 15,750 บาท รวมค่าปรับทั้งสิ้น 4,126,500 บาท คงเหลือเงินค่าจ้างที่จะได้รับ 2,173,500 บาท ซึ่งหลังจากที่มีการส่งมอบงานและตรวจรับถูกต้องครบถ้วน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ต่อมา นายพินิจ ตันกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท จึงได้สอบถามความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินค่าจ้างกับนายวิสิทธิ์ทองพรหม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 และได้รับแจ้งว่าต้องตกลงเรื่องเงินเปอร์เซ็นต์ที่ต้องจ่ายให้แก่ดร.อาวุธ เอง หลังจากนั้น นายวิสิทธิ์ทองพรหม ได้ติดต่อกลับไปยังนายพินิจว่า “กำนันจะไหวหรือเปล่า ถ้าต้องจ่าย 500,000 บาท ถ้าตกลงจ่าย ตามนี้ให้รีบมารับเช็คค่าจ้างจำนวน 2 ล้านบาทเศษ ที่เทศบาลเมืองบางบัวทองได้เลย” แต่นายพินิจ ไม่ยอมจ่ายเงิน ดังกล่าวให้กับ ดร.อาวุธ และหลังจากนั้นนายพินิจ ได้มอบอำนาจให้เลขานุการส่วนตัวของนายพินิจ ติดตามทวงถาม เงินค่าจ้างแทน ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2557 เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีเทศบาลเมืองบางบัวทอง ได้จัดทำเช็ค ระบุชื่อบริษัท ฤดีประยงค์ จ ากัด เป็นผู้รับเงิน จ านวน 2,114,621.50 บาท ซึ่งเป็นเงินหลังจากหักภาษีณ ที่จ่ายแล้ว เสนอผู้มีอำนาจลงนาม และในวันเดียวกัน นายพินิจ ได้โทรศัพท์ติดต่อ ดร.อาวุธ เพื่อขอรับเงิน ดร.อาวุธ จึงได้เรียกเงิน จากนายพินิจ เป็นเศษเงินตามค่าจ้างที่จะได้รับจำนวนประมาณ 114,621 บาท นายพินิจ จึงได้เขียนเช็คเงินสด ลงวันที่ 28 มกราคม 2557 สั่งจ่ายเงินจำนวน 110,000 บาท จากบัญชีเงินฝากของบริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด มอบให้ เลขานุการส่วนตัวร่วมกับหุ้นส่วนของบริษัทอีกราย ไปเบิกเงินจากธนาคาร แล้วนำเงินจำนวน 110,000 บาท ไปมอบ ให้ ดร.อาวุธ โดย ดร.อาวุธ แจ้งให้ไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่หน้าห้องรายหนึ่ง เพื่อมอบให้ดร.อาวุธ ต่อไป จากนั้นในวัน เดียวกัน บริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด จึงได้รับเช็คค่าจ้างก่อสร้าง กรณีที่ (2) ภายหลังจาก บริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ได้ส่งมอบงานโครงการข้างต้นแล้ว ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 มีนโยบายช่วยเหลือผู้รับจ้างกรณีขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมี การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ทั่วประเทศ จึงให้หน่วยงานของรัฐต่อสัญญาจ้างก่อสร้างให้ผู้รับจ้างเป็นเวลา 150 วัน ดังนั้น กรณี บริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ส่งมอบงานก่อสร้างโครงการเขื่อน ค.ส.ล. ล่าช้ากว่าที่กำหนดในสัญญา เป็นระยะเวลา 262 วัน จึงได้รับสิทธิการต่อสัญญาจ้างอีก 150 วัน ท าให้มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้ากว่า สัญญาคืนจากเทศบาลเมืองบางบัวทอง เป็นเงินทั้งสิ้น 2,362,500 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ได้จัดทำรายงานจัดทำเช็ค/ใบถอน ระบุชื่อ บริษัท ฤดีประยงค์ จ ากัด เป็นผู้รับเงิน ซึ่ง ดร.อาวุธ ได้ลงลายมือชื่อในรายงาน จัดท าเช็ค/ใบถอน แต่ไม่ได้ลงวันที่ก ากับไว้ พร้อมทั้งสั่งการเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีว่ายังไม่ให้จ่ายเช็คคืนค่าปรับ ให้กับบริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด แต่ให้เจ้าของบริษัทมาพบกับ ดร.อาวุธ ก่อน ซึ่งหลังจากที่นายพินิจ ได้มีหนังสือทวง ถามเรื่องคืนเงินค่าปรับจากเทศบาลเมืองบางบัวทองแล้วก็ได้มอบหมายให้เลขานุการส่วนตัว ติดตามเงินดังกล่าวจาก เทศบาลเมืองบางบัวทองมาโดยตลอด ดร.อาวุธ บอกกับนายพินิจ ว่าเซ็นเช็คเรียบร้อยแล้ว ให้เตรียมเงินมาให้ก้อนหนึ่ง นายพินิจ ต้องการได้รับเงินค่าปรับคืนจากเทศบาลเมืองบางบัวทอง เพราะว่าวันดังกล่าวเป็นวันสิ้นปีงบประมาณ และ เข้าใจว่าหากไม่ได้รับคืนเงินค่าปรับจากเทศบาลเมืองบางบัวทองในวันดังกล่าวก็จะไม่ได้รับเงินค่าปรับคืน จึงจำยอม ต้องนำเงินสดจ านวน 50,000 บาท มอบให้เลขานุการส่วนตัวนำไปมอบให้ ดร.อาวุธ แต่ ดร.อาวุธ บอกว่าเงินดังกล่าว ไม่พอ ขอเงินเพิ่มอีก 50,000 บาท แต่นายพินิจ ยังไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ถูกเรียกร้องเพิ่ม ทำให้หุ้นส่วนบริษัทรายหนึ่ง ขอให้เลขานุการส่วนตัวของนายพินิจ เบิกเงินส่วนตัวจ านวน 50,000 บาท ไปจ่ายให้ ดร.อาวุธ ก่อน รวมนำไปมอบให้ ดร.อาวุธ เป็นเงิน 100,000 บาท เสร็จแล้ว ให้รีบไปรับเช็คคืนเงินค่าปรับจากเทศบาลเมืองบางบัวทอง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่านายอาวุธ หรือ ดร.อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ มีมูลความผิด ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และอัยการสูงสุดเพื่อด าเนินคดีอาญาต่อไป ส าหรับนายวิสิทธิ์ทองพรหม ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอว่ากระทำความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป 4. เรื่องกล่าวหานายอาวุธ หรือ ดร.อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง กรณีเรียกรับเงินจากผู้รับจ้าง เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างยกระดับถนน พร้อมวางท่อระบาย น้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13 จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายอาวุธ หรือ ดร. อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมือง บางบัวทอง ได้ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจ ากัด ส.อ านาจพัฒนาก่อสร้าง วิศวกรรม ดำเนินการก่อสร้างโครงการ ยกระดับถนนพร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13 วงเงิน 5,000,000 บาท กำหนด จ่ายเงินค่าจ้าง 4 งวด และท างานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 หากผู้รับจ้างดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ตามกำหนดจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ 12,500 บาท ผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 1 และได้รับค่าจ้างงวดที่ 1 จำนวน 946,619.63 บาท ซึ่งเป็นเงินหลังจากหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ผู้รับจ้างส่งมอบงาน งวดที่ 2 ซึ่งเกินระยะเวลาตามสัญญาไป 22 วัน ต้องเสียค่าปรับทั้งสิ้น 275,000 บาท คงเหลือเบิกจ่ายหลังจากหักภาษี แล้วจำนวน 816,750 บาท ต่อมาชาวบ้านได้ขอให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน จึงมีการ ชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน ผู้รับจ้างจึงได้นำเงินทุนไปหมุนเวียนโครงการอื่น แต่เมื่อกลับมาดำเนินการต่อไม่มีเงินทุน นายอำนาจ สานุช หุ้นส่วนผู้จัดการ จึงได้ไปยืมเงินนายอาวุธ จ านวน 500,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 บาท ต่อปี กำหนดเวลาชำระหนี้ทั้งต้นทั้งดอกภายใน 1 ปีต่อมาผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย แต่งานไม่เรียบร้อย ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในสัญญาจ้าง โดยการปรับลดเนื้องานและค่าจ้าง ผู้รับจ้างได้ แก้ไขและส่งมอบงานอีกครั้ง มีการตรวจรับถูกต้องครบถ้วนเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 พร้อมกับขอเบิกเงินจำนวน 2,933,500 บาท แต่เนื่องจากผู้รับจ้างดำเนินการไม่เสร็จทันตามสัญญา ต้องเสียค่าปรับจำนวน 1,537,500 บาท รวมทั้งสภาเทศบาล เห็นชอบให้ตัดลดเนื้องานงวดที่ 4 เป็นเงิน 193,140.97 บาท เหลือเบิกจ่ายจำนวน 1,202,859.03 บาท นายอำนาจ ได้บอกให้นายอาวุธ เบิกจ่ายค่าจ้างให้ แต่นายอาวุธ กลับบอกให้นายอำนาจ นำเงิน สดมาชำระหนี้ให้นายอาวุธฯ ก่อนจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาทต่อเดือน จึงต้องจ่ายดอกเบี้ย จำนวน 75,000 บาท แต่นายอาวุธ ขอดอกเบี้ยเป็นเลขกลม จำนวน 100,000 บาท รวมถึงเงินค่าตอบแทนพิเศษ ของนายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ พี่ชายนายอาวุธ ซึ่งเคยเป็นนายก อบต.บางบัวทอง ที่ต้องได้รับจากนายอำนาจ อีกจำนวน 100,000 บาท แต่นายอำนาจ ไม่มีเงินจ่าย นายอาวุธจึงบอกว่าถ้าไม่มีเงินมาให้ก็ไม่ต้องมารับเช็คค่าจ้าง ต่อมาเจ้าพนักงานธุรการ ได้ขออนุมัติเบิกเงินจ่ายขาดสะสม เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 เสนอนายอาวุธ ให้อนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินงวดงานที่ 3 และ 4 จำนวน 1,177,248.20 บาท ซึ่งเป็นเงินหลังจากหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ให้ผู้รับจ้าง แต่นายอาวุธ เก็บฎีกาไว้ แล้วบอกว่า “เช็คฉบับนี้ให้เค้ามาคุยกับผมก่อน” นายอำนาจ จึงได้ขอความเป็น ธรรมไปยังศูนย์ดำรงธรรม และนายอำเภอบางบัวทอง ได้ติดต่อไปยังนายอาวุธ ให้ลดดอกเบี้ยให้นายอำนาจ ต่อมา ได้มีรองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทองรายหนึ่ง แจ้งให้นายอำนาจ นำเงินจำนวน 600,000 บาท ไปจ่ายให้นายอาวุธ เพื่อจะได้รับเช็คค่าจ้าง แต่นายอำนาจ ไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว จนนายอาวุธ ได้บอกให้นายไตรภพ แจ้งดี เพื่อนของ นายอำนาจ นำเงินจำนวน 600,000 ให้นายอำนาจ ยืม ซึ่งนายไตรภพ อยู่ในสภาวะจำยอมนายอาวุธ จึงนำเงิน 600,000 บาท ให้นายอำนาจ ยืม หลังจากได้มอบเงิน 600,000 บาท ให้นายอาวุธ แล้ว นายอำนาจ จึงได้รับเช็คค่าจ้างจำนวน 1,177,248.20 บาท นอกจากนี้ รองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทองรายดังกล่าว ยังได้ขอให้นายอำนาจ ถอนเรื่อง ร้องเรียนของนายอาวุธ ด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่านายอาวุธ หรือ ดร.อาวุธ เจริญนนทสิทธิ์มีมูลความผิด ทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 152 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มี อำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป 
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน 
การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ

ลากมันออกมา !! ด่วน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโกงแวตพันล้าน จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ