- 24 มิ.ย. 2560
30 กว่าปีที่รอคอย !?!? ที่มาที่ไป ทำไมต้องจ่ายเงินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (มีคลิป)
30 กว่าปีที่รอคอยหลังจากที่สงครามระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกรือ พคท.กับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐได้ยุติลงและบรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนคืนจากป่าสู่เมืองในนามผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
โดยทางการในขนาดนั้นได้ให้คำมั่นสัญญาและหลักประกันว่าทุกคนที่ออกมาจะได้รับการช่วยเหลือดูแลให้ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ โดยทำไม่ได้มอบให้เป็นเดือนก็จะเป็นที่ดินทำกินและ การช่วยเหลือครั้งสุดท้ายก็เพิ่งเกิดขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาเมื่อ
วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา โดยได้อนุมัติงบประมาณ เพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพสำหรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จำนวนทั้งสิ้น 6,183 คนๆละ 225,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 1,391ล้านบาท
และเมื่อวันที่21 มิถุนายน ที่ผ่านมาพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ไปเป็นประธาน ในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กอ.รมน.ภาค 1 จำนวน 294 คน
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หวังว่า ผรท.จะนำเงินไปตรวจสอบให้ตรงตามเจตนารมณ์ที่เราต้องการคือการดูแลครอบครัว ซึ่งมีตัวอย่างไว้ให้ดูแล้วว่าจะนำเงินไปใช้อะไร แต่ขอให้ใช้ในทางที่ถูกส่วนกรณีทหารผ่านศึกอยากได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม เหมือนของ ผรท. ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบอยู่แล้ว ของทหารผ่านศึกก็ได้รับการดูแล ส่วนจะเพิ่มเติมการช่วยเหลือให้ทหารผ่านศึกหรือไม่นั้น ต้องดูรายละเอียด
สำหรับแผนการจ่ายเงินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยทั้งประเทศจำนวนทั้งหมด1,683 คนนั่นจะจ่ายพร้อมกันทั่วประเทศโดยแบ่งเป็น พื้นที่ กอ.รมน.ภาค1 ตั้งจ่าย 2 แห่ง คือ สโมสรทหารบก กทม. จำนวน 294 คน และ กองพลทหารราบที่9ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี จำนวน 239 คน
ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 2 ตั้งจ่าย 4 แห่ง คือ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา จำนวน 159 คน ,ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี จำนวน 395 คน, มณฑลทหารบกที่ 210 จ.นครพนม จำนวน 387 คน , ศาลากลาง จ.มุกดาหาร จำนวน 424 คน
พื้นที่ กอ.รมน.ภาค 3 ตั้งจ่าย 2 แห่ง คือ มณฑลทหารบกที่ 38 จ.น่าน จำนวน 283 คน, มณฑลทหารบกที่ 310 จ.ตาก จำนวน 287 คน ส่วนพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ตั้งจ่าย 3 แห่ง คือ กองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 1,611 คน, มณฑลทหารบกที่ 45 จ.สุราษฏร์ธานี จำนวน 1,321 คน, กองพันทหารช่างที่ 402 จ.พัทลุง จำนวน 783 คน
มีคำถามเสมอมาว่าทำไมจะต้องจ่ายเงินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแต่สำหรับพูดที่อยู่ในช่วงยุคระหว่างพ.ศ. 2516 ถึง 2528 จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีเพราะในขณะนั้นสงครามระหว่างคนไทยกันเองโดยฝ่ายหนึ่งคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอีกฝ่ายหนึ่งคือทหารตำรวจและอาสาสมัครต่างๆ ได้มีการสู้รบกันฆ่ากันทุกวันทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายนับ 10,000 คนสถานที่ราชการถูกเผาทั่วทั้งประเทศรัฐจะต้องใช้งบประมาณปีละนับ 10,000 ล้านบาทเพื่อปราบปราม
ดังนั้นเมื่อมีช่องทางเจรจาเกิดขึ้นเพราะพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วเห็นว่าคนไทยไม่ควรจะรบกันเองควรหาทางยุติสงครามจึงได้ออกนโยบายที่เรียกว่านโยบาย 66 / 23 เป็นนโยบายที่เปิดโอกาสให้สมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่จับอาวุธอยู่ในป่าออกมาร่วมพัฒนาชาติไทยโดยไม่มีความผิดแบรนด์กำสัญญาว่าจะดูแลชีวิตใหม่ให้ก้าวเดินต่อไปได้ จึงเป็นที่มาของนโยบายช่วยเหลือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและทำให้ประเทศไทยสงบร่มเย็นลงทั้งทั้งที่ตอนนั้นประเทศเพื่อนบ้านได้ถูกคอมมิวนิสต์ยึดครองไปแล้วทั้งสิ้น
การช่วยเหลือผู้พัฒนาชาติไทยได้แจกเงินมาแล้ว 4ครั้ง ในรัฐบาลพล.อ.เปรม, รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ , รัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
สำหรับจุดกำเนิดการช่วยเหลือ ผรท. มาจาก “หมู่บ้านน้อมเกล้า” อ.เลิงนกทา จ.อำนาจเจริญ
สมาชิกในหมู่บ้านนี้ เป็นผู้ก่อร้ายคอมมิวนิสต์กลุ่มแรกๆ ที่รัฐบาลทำตามนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ “คำสัญญา” ที่ว่า เมื่อออกมอบตัวต่อทางการแล้ว จะได้รับการช่วยเหลือเป็น “ที่ดิน” และ “บ้าน”
และอีกพื้นที่หนึ่งที่สำคัญก็คือ ในปี 2525 คณะกรรมการจังหวัดเขตงาน 444 (อำนาจเจริญ-มุกดาหาร-ยโสธร) ได้นัด “เจรจาลับ” กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่กรุงเทพฯ โดยผู้นำเขต 444 เสนอจะยุติการสู้รบ และออกมอบตัวทั้งเขตงาน โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อคือ 1.ขอที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย 2.ขอให้ช่วยเหลือการประกอบอาชีพในเบื้องต้น
พล.อ.ชวลิต ได้นำข้อเสนอดังกล่าว ส่งผ่านไปยัง “พล.อ.เปรม” นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เห็นด้วยตามที่ พล.อ.ชวลิต เสนอมา จึงได้กำหนดวันมอบตัวครั้งใหญ่คือ 1 ธันวาคม 2525
วันนั้น คณะกรรมการเขต 444 ได้เดินออกจากป่า นำทหาร และมวลชนนับพันคนเข้าสู่บริเวณจัดงาน “วันสันติภาพ” ที่สนามหน้าโรงเรียนบ้านบาก อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
หลังจากวันมอบตัวเสร็จสิ้น ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการจัดตั้ง “หมู่บ้าน” ขึ้นตามคำสัญญาที่ตกลงไว้ในการเจรจาลับ เบื้องต้น รัฐบาลปลูกบ้านให้ 1 หลัง และจัดสรรที่ดินให้ัครอบครัวละ 15 ไร่ นี่คือที่มาของ “หมู่บ้านน้อมเกล้า”
ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีการเข้ามอบตัวในลักษณะเดียวกัน จึงมีการจัดตั้งหมู่บ้านอีก 2 แห่งคือ หมู่บ้านชาติพัฒนา อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และหมู่บ้านภูผาหอม อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
สรุปว่า รัฐบาล พล.อ.เปรม ได้ช่วยเหลือ ผรท. จำนวน 403 คน โดยมอบบ้าน 1 หลัง และที่ดิน 15 ไร่
เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และในฐานะที่บิดาของ พล.อ.สรยุทธ์ คือ พ.ท.พโยม จุลานนท์ หรือ “สหายคำตัน” เป็นเสนาธิการกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย จึงได้นำเอาเรื่องช่วยเหลือ ผรท. ของรัฐบาลทักษิณมาพิจารณา และอนุมัติเงินช่วยเหลือไปทันที
การช่วยเหลือ ผรท.สมัยรัฐบาลสรยุทธ์ ถือว่า เป็นครั้งที่ 2 จำนวน 2,609 คน และจ่ายเป็นเงินสด รายละ 125,000 บาท
พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ประกาศว่า นี่เป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้าย หากมีกลุ่มใดมาร้องขอให้ช่วยเหลือ ก็มอบให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการช่วยเหลือเป็นกลุ่มก้อน ไม่ “จ่ายเงินรายหัว” อีกแล้ว
รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี ผรท.ภาคอีสาน หลายกลุ่ม เดินทางเข้ามา “ทวงสัญญา 66/2523” บอกว่า เป็นกลุ่ม “สหายตกหล่น”
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ จึงเซ็นคำสั่งที่ 190/2552 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ว่าด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือความเดือดร้อนของ ผรท. ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น เป็นประธาน
“สุเทพ” เสนอให้ประเมินราคาที่ดินใหม่ จึงทำให้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มจาก 125,000 บาท เป็น 225,000 บาท และประกาศให้ช่วยเหลืออดีตสหายทั้งประเทศ ไม่จำกัดเฉพาะภาคอีสาน เหมือนสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์
ปรากฏว่าครั้งที่ 3 รัฐบาลอภิสิทธิ์ จ่ายเงินช่วยเหลือรายละ 225,000 บาท จำนวน 9,181 ราย
และมาถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น