ที่มาของความปากเก่ง! ชำแหละ"หญิงปู" โวลั่นไม่หนีคดีโกงข้าว ที่แท้งัดลูกไม้เก่ายื้อให้ศาลรธน.ตีความ ขณะเกมมวลชนก็อาศัยสาวกเป็น"โล่มนุษย์"?   

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews (แก้ไขล่าสุด 11 ก.ค.2560 เวลา 14.15 น.)
 


ถึงบางอ้อ!! "หญิงปู" ปากเก่ง-คุยโวแบบอ้างหนูบริสุทธิ์...ไม่คิดหนีคดีโกงข้าว ที่แท้ใช้มุกเดิม ๆ โดยรอบนี้งัดไม้ตายหวังยื้อคดีออกไปแบบสุดติ่ง โดยให้ทีมทนายยื่นศาล รธน.ตีความว่าการไต่สวนเธอตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2542 และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เกี่ยวกับการยึดสำนวน ป.ป.ช. จะขัดกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งประกาศใช้ล่าสุดหรือไม่ โดยหนึ่งในทีมทนายของเธออ้างว่า อัยการฝ่ายโจทก์ยื่นบัญชีพยานเอกสารเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ โดยไม่มีการไต่สวนไว้ในรายงาน และไม่ได้อยู่ในสำนวนของ ป.ป.ช.มาตั้งแต่ต้น ขณะที่เกมการเมืองด้านมวลชนก็เดินคู่ขนานแบบเต็มกำลัง สังเกตจากการขึ้นศาลฟังไต่สวนพยาน 2-3 ครั้งหลังสุด จะพบว่ามีมวลชน (เสื้อแดงอำพราง) มีให้กำลังใจเธอจนล้นศาลฯ แบบไม่ยี่หระสายตาเจ้าหน้าที่ ขณะที่เธอเองก็โชว์เดินสาย "บีบน้ำตา" และโชว์แฟนคลับ 6 ล้านไลค์ให้ฝ่ายบ้านเมืองได้ตระหนักว่าเธอมี "โล่มนุษย์" มากแค่ไหน   

 

เชื่อว่าหลายคนคง...ถึงบางอ้อ...กันแล้วว่า เหตุใด "หญิงปู-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ หญิงผู้นอมินีฯ จึงยังคงตุรัดตุเหร่ตะลอนทัวร์พาตัวเองไปพบแฟนคลับถี่ยิบช่วงนี้ ทั้งที่เป็นโค้งสุดท้ายของ "คดีจำนำข้าว" ที่เป็นดั่งอาญาหนักที่รอบั่นคอเธออยู่รอมร่อมในเดือน 2 เดือนนี้


 

เรื่องนี้ถูกเฉลยทันทีในวันที่เธอ เดินทางมาฟังการไต่สวนพยานจำเลยนัดรองสุดท้ายที่ศาลนักการเมืองเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระหว่างการไต่สวนทีมทนายของเธอได้ทิ้งไพ่ตาย โดยยื่นคำร้องขอศาลฎีกาฯ ส่งประเด็นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า บทบัญญัติมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เกี่ยวกับการยึดสำนวน ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณาว่าจะขัดกับบทบัญญัติมาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญใหม่ระบุตอนท้ายไว้ว่า การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้นำสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ 


โดยนายวิม รุ่งวัฒนจินดา หนึ่งในคณะทำงานของเธอ แบไต๋เองเลยว่า ขณะนี้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 ที่ผ่านมา  และมีบทบัญญัติใหม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 ที่ระบุตอนท้ายว่า การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ให้นําสํานวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอํานาจไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาอัยการฝ่ายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานเอกสารเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ โดยไม่มีการไต่สวนไว้ในรายงาน และสำนวนของป.ป.ช.เอกสารบางเรื่องเป็นเอกสารใหม่ในคดีที่กล่าวหาบุคคลอื่น และไม่ได้อยู่ในสำนวนของ ป.ป.ช.มาตั้งแต่ต้น ซึ่งจำเลยได้ร้องคัดค้าน เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี และองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วยกคำร้อง ทำให้เรื่องตกไป และเสียเปรียบในการต่อสู้คดี


 

นั่นคือ...ข้ออ้างให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความของฝ่ายยิ่งลักษณ์ ซึ่งวินาทีนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า ศาลท่านจะพิจารณาเช่นใด เพราะนัดรอฟังคำสั่งว่าเรื่องที่ทางฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างมานั้นจะฟังขึ้น และต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความตามที่เธอ พยายามยื้อสุดกำลังหรือไม่ ในวันที่ 21 ก.ค. หรือเป็นวันสืบพยานนัดสุดท้ายของ "มหากาพย์การโกงข้าว" นี้เลย

 

ต่อกรณีนี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ออกมาเปิดเผยล่าสุดหลังสังคมตั้งข้อสังเกตตรงกันในเรื่องดังกล่าวว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเป็นแค่เกมประวิงเวลาของฝั่งเพื่อไทยแค่นั้น โดยเขาอ้างว่า ที่ต้องยื่นฯ เพราะการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ยังไม่เสร็จสิ้น หากปล่อยให้การพิจารณาคดีเสร็จสิ้นจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หมดโอกาสและเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองไว้โดยสิ้นเชิง 

 

โดยเขายังระบุต่อว่า ที่ผ่านมาอดีตนายกฯ ให้ความร่วมมือ ไม่เคยขอเลื่อนการพิจารณาคดี และมีการสืบพยานจำเลยทุกนัด แสดงว่าไม่มีพฤติการณ์ประวิงคดีแต่อย่างใด แต่เมื่อมีข้อกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งมีอัตราโทษสูง ก็ขอโอกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ต่อสู้คดีทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วน ก่อนที่ศาลจะได้มีคำพิพากษาในคดีนี้...ทนายของ ยิ่งลักษณ์ ระบุ

 

 

อย่างไรก็ตาม เกมยื้อสุดชีวิตของ "คดีโกงข้าว" ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในแง่มุมของกฎหมาย หากแต่ความเคลื่อนไหวในทางการเมืองก็เดินคู่ขนานกันไปแบบไม่ปิดบัง ดังเราขะเห็นช่วงหลังมานี่ "ยิ่งลักษณ์" เดินสายพบมวลชนถี่ครั้งเป็นพิเศษ โดยไม่ยี่หระถึงข้อห้ามของ คสช.อีกแล้ว...มีแม้กระทั่ง "ดราม่าบีบน้ำตา" เรียกคะแนนสงสารจากแฟนคลับกลางวัดฯ ในงานวันเกิดตัวเอง ขณะที่ "โล่มนุษย์" ที่ก่อตัวขึ้นทางโลกออนไลน์ก็แน่นหนาขึ้นทุกที...กระทั่งเธอถึงกับเปิดบ้านต้อนรับแฟนคลับ...และจงใจให้เป็นข่าวให้ฝ่ายบ้านเมืองได้ตระหนักว่าเธอมีคนห้อมล้อม-ซึ่งเปรียบเสมือนเกราะกำแพงชั้นดีมากแค่ไหน...เมื่อยอดสาวกที่ติดตามเธอทางโซเชี่ยลฯ ทะลุไป 6 ล้านไลค์เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน  ส่วนการแห่แหนไปให้กำลังใจเธอในการขึ้นฟังการไต่สวนพยาน 2-3 นัดท้าย ๆ ที่ผ่านมา สาวกแดงจำแลงก็พาเหรดกันโชว์พลังแบบไม่ตระหนักในอำนาจศาลกันอีกแล้ว


...บางคนบอก...อาการดังกล่าว สะท้อนความหวาดกลัวลึก ๆ ในใจของเธอ...จึงแสร้ง "ใจดีสู้เสือ" หาคนมาห้อมล้อมเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกโดดเดี่ยว (ทีมงานเป็นคนเซต)  และน้ำตาในวันเกิดวันนั้นแม้จะเป็นความจงใจทางการเมืองเรียกคะแนนสงสารจากสาวก...แต่มองอีกมุม...มันก็คิดได้เหมือนกันว่า...เธอประสาทเสียกับ "คดีโกงข้าว-อันเป็นดั่งมหากาพย์การทุจริตของแผ่นดิน" ที่หนักหนาถึงขั้น หากผิดจริงต้อง"นอนคุก" คดีนี้แค่ไหน...วิญญูชนย่อมประจักษ์ด้วยตนเอง