สุดปวดใจกับข่าวนี้! พวกคลั่งลต.ว่าไง"สรรพากร"เผยยึดทรัพย์"ทักษิณ" ได้แค่หลักล้าน จากโกงหุ้นไป 1.7 หมื่นล้าน คาดเจ้าตัวโยกสมบัติออกนอกหมดแล้ว

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


พวกคลั่งเลือกตั้ง-เห็นหีบบัตรเป็นพระเจ้าว่าไงกันเรื่องนี้!! "แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร" ยัน ทักษิณ ชินวัตร"  โยกทรัพย์ออกจากไทยเกือบหมดแล้ว ยันที่เหลืออยู่มูลค่าน้อยมาก แค่หลักล้านบาทเท่านั้น คาดเจ้าตัวคงหลงลืมไว้ หลังคดีเลี่ยงภาษี "หุ้นชินคอร์ป" ถูกปัดฝุ่นก่อนหมดอายุความ และทักษิณอาจถูกยึดทรัพย์จากคดีนี้ได้ โดยสรรพากรระบุ เทียบไม่ได้กับหนี้ภาษีหุ้นชินที่ค้างกรมสรรพากรอยู่ 1.7 หมื่นล้าน 


วันนี้ (11 ก.ค.) มีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของกรมสรรพากร เปิดเผยความคืบหน้า กรณีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มเทมาเส็ก จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรมสรรพากร ได้ประเมินภาษีจากการซื้อขายเมื่อปี 2549 รวมทั้งค่าปรับและเงินเพิ่มจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมผ่านมา จากนั้นปรากฎว่า นายทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ และจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 ปี อีกทั้งช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา "นายยุทธนา หยิมการุณ" ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้บริหารกรมสรรพากรไม่ดำเนินการเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นจากนายทักษิณในครั้งนั้น ได้เผยผลการสอบพบว่า มีผู้บริหารกรมสรรพากร 1-2 คน อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การเก็บภาษีหุ้นจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ตั้งแต่การไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลภาษี เพื่อต่อสู้เก็บภาษีหุ้นจากลูกอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณไปก่อนหน้า และส่งผลสอบการทุจริตต่อหน้าที่ของอดีตผู้บริหารที้ง 2 คนให้ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปก่อนหน้าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมแล้วนั้น


ความคืบหน้าล่าสุดต่อกรณีนี้ ทางกรมสรรพากรได้ทำการตรวจและอายัดทรัพย์สิน ของนายทักษิณแล้ว พบว่ามีเงินฝากและที่ดิน เหลืออยู่ในชื่อของเขามูลค่าหลักล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับหนี้ภาษีหุ้นชินคอร์ปที่ค้างกรมสรรพากรอยู่ถึง 1.76 หมื่นล้านบาท คาดเป็นทรัพย์สินที่เจ้าตัวหลงลืมไว้ในเมืองไทยในชื่อของตัวเองเท่านั้น

ส่วนของการยื่นอุทธรณ์ภาษีของนายทักษิณ ทางกรมสรรพากรได้ตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์ขึ้นมาพิจารณาข้อมูลหลักฐานว่า จะรับอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งการพิจารณาอุทธรณ์เป็นคนละส่วนกับการสอบและอายัดทรัพย์ เพราะเมื่อไม่จ่ายภาษีก็ถือเป็นหนี้ภาษีค้างกับกรมสรรพที่ต้องดำเนินการให้ผู้เสียมาชำระภาษีทันที แต่กลับพบว่าทรัพย์สินของนายทักษิณเหลืออยู่เพีบงเล็กน้อยดังกล่าว


แหล่งข่าวยังเผยอีกว่า ผลสอบที่นายยุทธนา ส่งให้นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาแยกเป็น 2 ส่วน

 คือส่วนแรกเป็นการสอบกรณีที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลภาษีอากรให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ให้เสียภาษีจากการซื้อขายหุ้น ผลสอบระบุชัดเจนว่า ผู้บริหารสรรพากรภาค 3 มีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง รวมถึงมีระเบียบของกรมสรรพากรว่าต้องทำการยื่นอุทธรณ์ศาลในทุกกรณี  นอกจากนี้ผลสอบยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรในขณะนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไม่ยื่นอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวด้วย 

 

ขณะที่ประเด็นที่ 2 เป็นกรณีที่กรมสรรพากรไม่ทำการประเมินเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นของทักษิณ โดยผลสอบระบุชัดว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรมีความพยายามที่จะไม่ประเมินภาษี ซึ่งทั้ง 2 กรณีปลัดกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 กรณีหรือไม่ และจะดำเนินการเช่นไรต่อ


“ตอนนี้พบประเด็นน่าสงสัยว่าทำไมอดีตอธิบดีกรมสรรพกรจึงสั่งดำเนินการเองให้ยุติการเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นจากอดีตนายกทักษิณ โดยเสนอตรงมาจากผู้อำนวยการสำนักที่ดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งผิดปกติการปฎิบัติงานของราชการ ที่เรื่องจากผู้อำนวยการสำนัก ก็ต้องเสนอไปให้รองอธิบดีหรือที่ปรึกษากรม ก่อนที่จะเสนอไปที่อธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ การดำเนินการของอธิบดีกรมสรรพากรและผู้อำนวยการสำนักที่ชงเรื่องขึ้นมาน่าจะมีความผิด” แหล่งข่าว ระบุเมื่อครั้งที่เปิดเผยผลสอบ

 

อ่านผลสอบอดีต 2 บิ๊กสรรพากร ละเว้นเก็บภาษีหุ้นชิน ได้ที่นี่