ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น......ในหลวงร.9 ทรงวักน้ำในดินขึ้นชิม แก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนเป็นที่มาคก.พระราชดำริ ที่ นราธิวาส

ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น......ในหลวงร.9 ทรงวักน้ำในดินขึ้นชิม แก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนเป็นที่มาคก.พระราชดำริ ที่ นราธิวาส

ในอินสตราแกรมของwe_love_king_bhumibol ได้โพสต์เรื่องราวครั้งหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า"ครั้งหนึ่งในหลวง ถึงกับทรงเดินลงไปในพรุ แล้ว "ทรงวักน้ำชิม" เพื่อให้ทราบว่า เปรี้ยวเพียงใด แล้วตรัสด้วยว่า" หากแก้ปัญหานี้ได้ ประชาชนจะมีที่ทำกินอีกประมาณแสนไร่" ดังนั้นในพ.ศ2525 จึงโปรดฯให้สร้าง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวมีความเป็นกรดสูงจนไม่สามารถเพาะปลูกได้ "

 

ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น......ในหลวงร.9 ทรงวักน้ำในดินขึ้นชิม แก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนเป็นที่มาคก.พระราชดำริ ที่ นราธิวาส

อย่างไรก็ตาม สำหรับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในจ.นราธิวาส จัดเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำน้ำขังตลอดปีเรียกว่า "ดินพรุ"ซึ่งมีอยู่ในจ.นราธิวาส และ จังหวัดใกล้เคียงถึงประมาณ4แสนไร่ และดินพรุนี้จัดเป็นดินคุณภาพต่ำ ที่เพาะปลูกอย่างไรก็ไม่ได้ผลเพราะดินมีสารประกอบไพไรท์ ทำให้เกิดกรดกำมะถัน เมื่อดินแห้งทำให้ดินเปรี้ยวจัดเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตต่อพืช ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ก่อตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองขึ้น มีเป้าหมายเพื่อการวิจัยปรับปรุงดินพรุให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรให้ได้มากที่สุด และนอกจากนี้ในศูนย์ศึกษา ยังมีการศึกษาทดลองเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดครอบครัวแบบครบวงจร

ในเรื่องยางพาราและปาล์มน้ำมัน อันเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ จนกระทั่งในที่สุดจ.นราธิวาสที่เคยถูกทอดทิ้ง ก็สามารถปลูกข้าว ปลูกผัก และปลูกพืชไร่ ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และ พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างแท้จริง

ขอบคุณ ข้อมูลจาก we_love_king_bhumibol  และ วิกิพีเดีย