โคตรเงิบ..ฤาเป็นเค้าลางหายนะ! "พยานปู" หน้าแหกตอบไม่ตรงคำถาม ศาลถึงกับเอ่ยปาก "ถามม้า-ตอบช้างคนละประเด็น แถมเอาเรื่องเก่ามาตอบใหม่" 

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


โคตรเงิบ..ฤาเป็นเค้าลางหายนะ! "พยานหญิงปู" หน้าแหกไต่สวนพยานนัดสุดท้ายวานนี้ โดยตอบไม่ตรงคำถาม ศาลถึงกับเอ่ยปาก โจทย์ฟ้องเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ผิดมาตรา 157 แต่กลับไปตอบเรื่องการใช้เงินผิดประเภท ซึ่งไม่เกี่ยวกัน แถมบางเรื่องพยานได้ตอบไปแล้ว เหมือนเอาเรื่องเก่ามาตอบใหม่

 

วันนี้ (22 ก.ค.) สืบเนื่องจากการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทางอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นัดสุดท้ายวานนี้ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ปล่อยให้เกิดการทุจริต ทำประเทศเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

 

โดยวานนี้ หนึ่งในพยานฝ่ายจำเลยที่ขึ้นให้การ คือ รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ช่วงปี 2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัจุบันเป็น อาจารย์มหาวิทยาลัยไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่น โดย รศ.ดร.กิตติ ขึ้นให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง โดยได้ตอบการซักค้านของอัยการโจทก์เกี่ยวกับผลวิจัยของสถาบันทีดีอาร์ไอ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ซึ่ง รศ.ดร.กิตติ เบิกความว่า ตนได้ศึกษาผลงานวิจัยของทั้ง 2 แห่ง และผลงานอื่นๆ อีก

 

พร้อมระบุ ยังเป็นผู้ร่วมแถลงในรัฐสภาเกี่ยวกับนโยบายโครงการจำนำข้าวว่า มีการควบคุมทางวินัยการเงินการคลัง ซึ่งได้กำหนดกรอบวงเงินที่ใช้ในโครงการจำนำข้าวไม่เกิน 5 แสนบาท หรือร้อยละ 60 ของหนี้สาธารณะ และไม่เกินร้อยละ 15 ของงบประมาณ โดยผลการศึกษาก็ยืนยันได้ว่าโครงการจำนำข้าวใช้เงินไม่เกินกรอบวงเงินดังกล่าว ส่วนที่มีผลวิจัยระบุถึงวงเงินสำรองของธกส. 9 หมื่นล้านบาทนั้น มียอดเงิน 1.7 แสนล้านบาทในปี 2556 นั้น ตนยืนยันว่าการตรวจดูต้องเป็นไปตามรอบบัญชีว่ามีการปิดบัญชีแล้วหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบวงเงินหมุนเวียนไม่ได้ใช้เงิน

 

อย่างไรก็ดี เมื่ออัยการโจทก์ถามถึงเมล็ดพันธุ์ข้าวในโครงการ และหลักของการจำนำข้าว รศ.ดร.กิตติ เบิกความยอมรับว่า ในการรับจำนำข้าวจะรับจำนำข้าว 18 สายพันธุ์ ทั้งยอมรับว่า โครงการรับจำนำข้าวทราบว่า มีการตั้งราคาที่สูงกว่าตลาด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งก่อนดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ราคาข้าวในท้องตลาดมีราคาต่ำอยู่ แต่การดำเนินโครงการดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นการดึงข้าวทั้งหมดเข้ามาอยู่ในโครงการ โดยมีข้าวที่เข้าโครงการเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ผู้ส่งออกอ้างว่าไม่สามารถหาข้าวได้นั้น เข้าใจว่าผู้ส่งออกทำการตลาดไม่มากพอ


 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มตามว่า รศ.ดร.กิตติ ใช้เวลาเบิกความเกือบ 2 ชั่วโมง เนื่องจากอัยการพยายามซักถามถึงผลงานวิจัยจากหลายที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวมาเปรียบเทียบกับของจำเลย ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน เหนืออื่นใดก็คือ ผู้สื่อข่าวยืนยันว่า การให้การของ รศ.ดร.กิตติ ศาลถึงกับระบุว่า  คำเบิกความบางเรื่องพยานได้ตอบไปแล้ว และที่สำคัญบางเรื่องโจทก์ไม่ฟ้องเกี่ยวกับการใช้เงินผิดประเภท แต่ฟ้องเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ของป.ป.ช.

 

 หลังเสร็จการไต่สวน ศาลฏีกาฯ ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ในเวลา 09.00 น.โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดีด้วยวาจา 1 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวกรวม 25 คน จะถูกพิพากษาตัดสินด้วย