ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงคดีจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดชี้ชะตาในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ว่า "วันศุกร์ที่ผ่านมาผมกับน้องเฟเดินทางไปศาลฎีกาฯ เพื่อร่วมกับประชาชนที่มาให้กำลังใจนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในการพิจารณาคดีนัดสุดท้าย ประชาชนจำนวนมากยังคงมาด้วยความศรัทธาทั้งที่ฝ่ายเผด็จการใช้ทุกวิธีที่จะสกัด

ฟังพยานอดีตหัวหน้าคลังสินค้าที่เบิกความว่า "หลังรัฐประหาร รัฐบาล คสช.สั่งให้ยกเลิกติดกล้องวงจรปิดบริเวณโกดังเก็บข้าว สั่งห้ามเปิดโกดังเพื่อรมยาจนเป็นเหตุให้ข้าวเสื่อมสภาพ ทั้งยังกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพข้าวเองและขายข้าวดีในราคาข้าวเสื่อมคุณภาพทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย

ผมเชื่อว่าประชาชนที่มีความเป็นกลางคงได้ข้อสรุปตามที่ผมยืนยันมาโดยตลอดว่า โครงการรับจำนำข้าวถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจและทำลายพรรคเพื่อไทย โดยมีนายกยิ่งลักษณ์เป็นผู้รับเคราะห์พร้อมกับชาวนา พฤติกรรมแห่งคดีตั้งแต่ชั้น ป.ป.ช.ที่เร่งรัดจนแซงทุกคดีที่เกิดก่อน จากนั้นออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ย้ายอัยการสูงสุด รวมถึงหัวหน้า คสช.สั่งการเองในที่ประชุมให้เร่งรัดดำเนินคดีโดยมีบันทึกรายงานการประชุม กบข.ครั้งที่ 3/2558 เป็นหลักฐานว่า "ไม่ต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม" คือหลักฐานที่พิสูจน์เจตนาทั้งหมด การต่อสู้คดีครั้งนี้จึงไม่ได้เดิมพันด้วยอิสรภาพของท่านเท่านั้น เพราะมันคือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายนิยมเผด็จการ

เสร็จการพิจารณาคดีผมบอกท่านว่า คดีนี้ผู้พิพากษาไม่ได้มีเพียง 9 คน เพราะยังมีประชาชนที่รักความเป็นธรรมอีกหลายสิบล้านคนทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาเช่นกัน ประชาชนจะไม่ปล่อยให้ท่านเป็นผู้รับกรรมจากการรัฐประหารเพียงลำพังอย่างแน่นอน มีคนตั้งคำถามว่า "มาให้กำลังใจแล้วได้อะไร" ประชาชนฝากตอบว่า "ได้มาเห็นความกล้าหาญของอดีตนายกหญิงที่มาศาลยอมให้ตรวจสอบด้วยความศรัทธาว่าความถูกต้องต้องมีที่ยืน ในขณะที่ชายชาติทหารที่ทำกับเธอสารพัด แถมยังปากกล้าเรียกร้องให้คนอื่นมาต่อสู้คดีในศาลกลับนิรโทษกรรมตัวเองหนีการตรวจสอบ ประชาชนเลยฝากถามกลับว่าที่บ้านมีกระโปรงพอมั้ย ถ้าไม่พอจะทำทานบริจาคให้"

ขณะนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า "นายวัฒนา เมืองสุข มาเร็วกว่าที่ผมคิด ผมเข้าใจว่าหลังจากที่แต่ละฝ่ายได้สิทธิ์ ในการแสดงหลักฐานข้อเท็จจริง เพื่อให้ศาลท่านไต่สวน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ควรที่จะหยุดและรอคำตัดสินวันที่ 25 ส.ค.นี้ แต่นายวัฒนากลับใช้แผนเดิม นั่นคือนำสิ่งที่พยานฝ่ายนางสาวยิ่งลักษณ์เบิกความไปบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด นายวัฒนาอ้างว่า หลังรัฐประหาร มีคำสั่งห้ามเปิดโกดังเพื่อรมยา จนเป็นเหตุให้ข้าวเสื่อมสภาพ ถ้านายวัฒนาจำได้ในช่วงตรวจโกดังโดยท่านปนัดดา ตามข่าวมีหลายโกดังยังตรวจไม่ได้เพราะเพิ่งรมยา และถ้าเป็นจริงตามที่วัฒนากล่าว ข้าวที่เสื่อมต้องเสื่อมทั้งคลังเพราะไม่ได้รมยา แต่ข้าวเสื่อมกลับซุกอยู่ภายในกองข้าวดี โดยมีข้าวดีล้อมรอบ สิ่งที่นายวัฒนาพูดจึงฟังไม่ขึ้น และในข้อเท็จจริงก็มีการรมยาตามปกติ"

 

นพ.วรงค์ ยังระบุอีกว่า "นายวัฒนาอ้างว่า มีคำสั่งให้ยกเลิกติดกล้องวงจรปิดบริเวณโกดังเก็บข้าว คำพูดนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ นอกจากให้คนสับสน เพราะการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่โกดัง ก็เพื่อเป็นการจับผิด ดูสภาพรถขนข้าวเข้าออกจากโกดัง ว่ามีการขนข้าวเข้าออกจริง ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องทำ ไม่เข้าใจว่านายวัฒนาอ้างเพื่ออะไร เพราะความจริงไม่มีเรื่องดังกล่าว  ส่วนเรื่องการขายข้าว กรมการค้าต่างประเทศเคยแจงไปแล้ว"

"นายวัฒนาคงท่องสูตรประชาธิปไตย เพื่อหลอกลวงประชาชนจนชิน ประชาชนเขารักประชาธิไตยที่แท้จริง แต่ไม่เอาประชาธิปไตยจอมปลอม ภายใต้ระบอบทุนสามานย์ ที่เอาคนจนมาบังหน้า แต่มาแสวงหาผลประโยชน์ แม้แต่นายวัฒนาเอง ก็ยังเอาบ้านเอื้ออาทรมาบังหน้า แต่สุดท้ายก็ถูกป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องทุจริต วันนี้คนไทยหลายสิบล้านคน เขาทันนักการเมืองขี้โกงกันแล้ว ประชาชนเหล่านั้นคงจะไม่ยอมให้พวกระบอบทุนสามานย์แต่อ้างประชาธิปไตย มาหลอกลวงอีก ผมเชื่อว่าคนไทยมากกว่า 60 ล้านคน ต้องการให้นางสาวยิ่งลักษณ์เคารพคำตัดสินของศาลฎีกา ไม่ต้องการให้มีการปลุกระดมเพื่อกดดันศาล และไม่ยอมให้ใครมาบิดเบือนคำนิจฉัยของศาลอีกต่อไป"