โอกาสทองมาแล้ว!! อุดรฯเปิดประตูสู่อีสานตอนบน 1 มุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 (มีคลิป)

เวลา 10.30 น.  วันที่ 23 กรกฎาคม 60  ที่ห้องประชุมโรงแรมเซ็นทารา แอนด์ คอนเวนเซ็นเตอร์ อ.เมืองอุดรธานี นายสนธิรัตน์ สนธิจิราวงศ์ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน  ในการเปิดการเสวนาในหัวข้อเรื่อง ”เปิดประตูสู่อีสานตอนบน 1 ในโอกาสทองของการค้าการลงทุน มุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0” โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน นักวิชาการ รวมไปถึงตัวแทนของสถานกงศุลประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ประเทศ สปป.ลาว ที่ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้แทนจังสมาชิกของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ทั้ง 5 จังหวัดคือ จังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู เลย เลย หนองคาย และจังหวัดบึงกาฬ เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้ ก่อนพิธีเริ่มงาน ได้มีการนกน้อยอุไรพร  ศิลปินนักร้องแนวลูกทุ่งหมอลำ พร้อมกับลูกสาว ได้มาร้องเพลงลูกทุ่ง ให้ฟัง   นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี  เปิดเผยว่า  ขอบคุณที่ภาครัฐได้ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาต่างๆของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน นับมาตั้งแต่ท่านรองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยเดินทางมาทำการเวิร์กช็อปกับกลุ่มจังหวัด มาแล้วในเรื่องการพัฒนา การค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวชุมชน เนื่องจากว่าท่านได้มอเห็นศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ในการเปิดประตูไปสู่การค้าค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน มาจนถึงกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ให้ความสำคัญ ในหลายๆกิจกรรมด้วยกัน เช่น การเปิดตลาดเฉพาะสินค้า และอีกหลายโครงการ ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเยงเหนือตอนบน 1 มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะได้รับการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ในกลุ่มจังหวัดฯ มีถึง 2 จังหวัดที่มีพื้นที่อยู่ในโครงการฯที่จะต้องผ่าน

นายสนธิรัตน์ สนธิวรวงศ์ รมต.พาณิชย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกจังหวัดในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ที่กล้าในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ที่เปรียบเสมือนว่าเป็นนักมวยโนเนมภูธร ก้าวไปชกบนเวทีในกรุงและสามารถสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วๆไปได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทรโอชา ได้ให้ความสำคัญกับงบประมาณที่ให้ลงมากับกลุ่มจังหวัดต่างๆทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพต่างๆ ทำให้เกิดมีการเปลี่ยนแปลงจากพัฒนา ไม่ใช่เป็นการพัฒนาจากส่วนกลาง  หากว่าเรายังอยู่ในความคิดเดิมๆอยู่ จะไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ เพราะมีหลายอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบที่เราก็ยังคิดไม่ถึง จนที่สุดแล้วจะไม่สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงใดๆได้ มันจะเกิดขึ้นจนเราไม่ต้องหนีไปไหน โดยได้ยกตัวอย่างให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมโซเชียลมีเดีย ที่จนมีการตั้งชื่อกันว่า”สังคมก้มหน้า” เพราะประชาชนส่วนมากจะหันมาใช้การติดต่อกันด้วย ไลน์ หรือ โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ

นายสนธิรัตน์ สนธิวรวงศ์   กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เห็นความสำคัญของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 มีอาณาเขตที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยาวมากกว่า 500 ก.ม. จึงทำให้เกิดโครงการฯดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้คำว่าชายแดนถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าการเชื่อมโยงของแต่ละพื้นที่เข้าหากันนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในอนาคต  การที่มีการจัดเสวนาในวันนี้ ก็เพื่อการทำความเช้าใจให้ตรงกันว่า ความเข้มแข็ง การเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้ จะเกิดขึ้นในส่วนของท้องถิ่น โดยเฉพาะจากกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่ม เพราะกลุ่มจังหวัดจะรู้ดีกว่าทุกคนว่า ในท้องถิ่นต้องการอะไร   ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ตรงกับความต้องการของท้องถิ่นเอง ซึ่งการจัดโครงการเสวนาที่จังหวัดอุดรธานี เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ต้นแบบ ที่ทางรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ จะนำเอาไปเป็นต้นแบบในการจัดการเสวนา ในพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อไปในอนาคต ซึ่งการจัดเสวนาครั้งนี้ก็ถือว่าสามารถที่เชื่อมโยงไปยังประเทศ เอ อี ซี.โดยตรงเลย เพราะต่อไปจะต้องอยู่ร่วมกัน จะมาแยกอยู่ตามลำพังไม่ได้ เพราะหากว่าประเทศนั้น ประเทศนี้ ก็จะอยู่ไม่ได้ แต่หากว่าเรานำเอามาเชื่อมโยงเข้าด้วย ก็จะสร้างความเข้มแข้งและต่อรองได้ประเทศมหาอำนาจดังกล่าว

กฤษดา จันทร์ดวง  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์   จ.อุดรธานี