- 27 ก.ค. 2560
“กลืนน้ำลายเพื่อชาติ”....ประยุทธ์ยอมรับ จำเป็นต้องไฟเขียวส่งคน “ข้ามห้วย” เปิดเส้นทาง “จรินทร์” ปลัดแรงงานเพื่อนรักบิ๊กตู่สมัยเรียนวปรอ.
“กลืนน้ำลายเพื่อชาติ”....ประยุทธ์ยอมรับ จำเป็นต้องไฟเขียวส่งคน “ข้ามห้วย” เปิดเส้นทาง “จรินทร์” ปลัดแรงงานเพื่อนรักบิ๊กตู่สมัยเรียนวปรอ. กับเก้าอี้เลขาฯสมช.เมื่อคนนอกปาดหน้าเค้ก “คนใน-ลูกหม้อ”
กระทรวงแรงงานกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดูจะกลายเป็น 2 หน่วยงานอาถรรพ์ของราชการไทยที่คนในหรือลูกหม้อที่เป็นข้าราชการประจำ มีอันต้องตกเป็นพระรองเป็นพระอับดับทุกครั้งไป แม้เที่ยวนี้ทาง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาลที่ได้วีซ่าจากการรัฐประหารจะการรันตีว่าไม่มีการข้ามห้วยไม่มีลัดคิวแต่สุดท้ายทุกอย่างก็เข้าอีหรอบเดิม เหมือนกันทั้งนักการเมืองทั้งทหารเอาพวกเอาพ้องเป็นหลัก
“ ยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวนี้ ยังไม่มีการข้ามห้วยอะไรทั้งสิ้น นโยบายผมไม่ได้ให้มีการข้ามห้วยเป็นหลัก ถ้าจะมีการข้ามห้วยก็ต้องมีเหตุผลและความจำเป็น ความเหมาะสมอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่วันนี้ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนนั้นคนนี้จะข้ามห้วยไปกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ อย่าวิจารณ์กันไปเอง ไอ้คนที่มีชื่อจะได้ข้ามห้วยก็ดีใจ แต่พอถึงเวลาไม่ได้ขึ้นมาก็ไปรับผิดชอบกันด้วยก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามสื่อหนักแน่นหลังการประชุมครม.11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศหลักการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการยุครัฐบาลรถถังที่เจ้าตัวให้นโยบายไว้สวยหรูว่า ต้องโตภายในแท่งในหน่วยงานของตัวเองก่อนยกเว้นว่ามีปัญหาก็ค่อยไปแก้ไขกันในวันหน้า
เพราะถ้ามัวแต่ไปคิดว่าจะสามารถข้ามห้วยได้อีกหน่อยก็จะไม่มีคนอยากทำงาน เพราะคิดแต่จะข้ามห้วยกันหมด คนในห้วยก็ไม่ต้องไปไหนกันจมน้ำตายกันอยู่ตรงนั้นพอดี
เวลาผ่านมายังไม่ข้ามเดือนดูเหมือนคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์กับการกระทำของตัวเองจะสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลังการประชุมครม.25 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการเห็นชอบการย้ายนายจรินทร์ จักกะพาก อธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย มาเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน ถือเป็นการย้ายข้ามห้วยในแบบที่พล.อ.ประยุทธ์เคยสั่งห้าม แต่คล้อยหลัง 3 สัปดาห์จากที่ตัวเองให้นโยบายครม.ก็เห็นชอบรับโอนนายจรินทร์ไปเป็นปลัดกระทรวงไตรเทพ ชนิดที่ทำให้ “คนใน-ลูกหม้อ” ที่จ่อคิวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงแรงงานอย่างนายวรานนท์ ปิติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ต้องรอเก้อเงื้อค้างแห้วรับประทานไปเต็มๆ เพราะเจอรายการปาดหน้าเค้กจากคนในกระทรวงคลองหลอด แถมงานนี้คนที่ผลักคนที่ดันก็ไม่ได้เป็น “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เจ้ากระทรวงต้นสังกัดของนายจรินทร์แต่อย่างใด หากแต่คนบนตึกไทยอย่างพล.อ.ประยุทธ์ลงทุนมาเล่นเอง ชนิดที่ก่อนนี้พล.อ.อนุพงษ์ต้องปฏิเสธกับสื่อพัลวันว่ากรณีข้ามห้วยของนายจรินทร์นั้นตนเอง “ไม่ได้ยุ่ง” แต่ก็ไม่กล้าออกตัวว่าใครเป็น “ไอ้โม่ง” ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันนายจรินทร์ .
เรื่องมาถึงบางอ้อเมื่อไปตรวจสอบประวัติการเรียนหนังสือที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรของนายกฯสมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ยุคนั้นนายกฯเรียน วปอ. รุ่น 50 ปรอ. รุ่น20 ประจำปีการศึกษา 2550-2551 ในรุ่นนั้นมีชื่อของนายจรินทร์ที่ตอนนั้นยังเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามร่วมห้องเรียนด้วย เพราะฉะนั้นสายสัมพันธ์ของนายจรินทร์กับพล.อ.ประยุทธ์จึงถือว่าแนบแน่นเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นเพื่อนเรียนวปรอ.มาด้วยกัน จึงไม่แปลกที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องการผลักดันนายจรินทร์มาช่วยงานรัฐบาล
แรกเริ่มเดิมทีในการประชุมครม.25 ก.ค.ที่ผ่านมา มีความพยายามจะผลักดันนายจรินทร์ให้ข้ามห้วยมาเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปลัดสปน.) แต่ติดที่ตำแหน่งนี้มีคนในอย่าง “รองหนิง” นางสาวพัชราภรณ์ อินทรียงค์ รองเลขาฯสปน.ที่เป็นลูกหม้อจับจองไว้อยู่แล้ว แถมเจ้าตัวก็ยังเป็นคนเก่ง ขยัน งานดี ที่สำคัญมีแบ็กอยู่เช่นกัน หนำซ้ำงานนี้เจ้าตัวยังได้ “เนติบริกร” อย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกแรงช่วยอีกแรง ที่สุดความพยายามในการผลักดันนายจรินทร์มาเป็นปลัดสปน.ของพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องสะดุด หวยจึงไปออกที่กระทรวงดินแดงแทนนายจรินทร์จึงเหาะข้ามจากสนามหลวงไปโตที่กระทรวงแรงงานแบบที่ข้าราชการในกระทรวงเซ็งเป็ดกันไปหมดเพราะคนในมีเป็นโหลแต่ไม่ได้รับการโปรโมต
กรณีนี้ยังไม่นับรวมถึงเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯสมช.) ที่ปลายปีนี้พล.อ.ทวีป เนตรนิยม จะเกษียณอายุราชการและมีการเสนอชื่อนายสมเกีรติ ศรีประเสริฐ รองเลขาฯสมช.ที่เป็นคนในเป็นลูกหม้อขึ้นเป็นเลขาฯสมช.คนต่อไป แต่งานนี้ก็มีแนวโน้ม 99.99 % ว่าจะเป็น “คนนอก” เข้ามาแซงคิวแน่นอน และโอกาสของนายสมเกียรติก็ริบหรี่และมีหวังกินแห้วตบยุงอย่างแน่นอน เพราะรอบนี้ทางพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมลงมาล้วงเอง โดยขอยึดเก้าอี้เลขาฯสมช.ไปแก้ปัญหาโผทหารที่ไม่ลงตัวอีกและเป็นประจำ
ข่าวว่าจะเอาเก้าอี้ตัวนี้ไปปลอบใจพล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ผอ.สนผ.) ที่พลาดหวังตำแหน่งรองปลัดกลาโหมให้มาทำงานตรงนี้แทน ที่การประชุมสภาความมั่นคงวานนี้ก็เห็นชอบชื่อไปแล้ว
แต่ทางพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังอุบไต๋แต่ก็ออกตัวแล้วว่าเลขาฯสมช.อาจจำเป็นต้องใช้คนนอก แม้จะไม่คอนเฟริมชื่อว่าเป็นทหารเป็นพล.อ.วัลลภแต่ก็เตรียมเคาะชื่อเลขาฯสมช.คนใหม่ในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า แถมแก้เกี้ยวเรื่องกลืนน้ำลายของตัวเองว่าเพราะรอบนี้มันจำเป็น ในส่วนของคนอกหักคนพลาดหวังก็พร้อมจะดูแลแก้ไขความผิดพลาดให้
“ไม่ใช่ ผมบอกว่าไม่อยากให้มีการข้ามห้วย สื่อจำไม่ครบ ผมจำได้ว่าพูดว่าก็ไม่อยากให้มีการข้ามห้วยโดยไม่จำเป็น หรือไม่มีเหตุผล....แต่ตอนนี้ก็ยิ่งยวดแล้วไง ที่เปลี่ยนและข้ามห้วยก็ยิ่งยวด มันต้องมีหลักการและเหตุผล ไม่เช่นนั้นผมไม่ทำให้ ที่ผ่านมา สมช.มีการเปลี่ยนแปลง มีทั้งพลเรือนและทหาร หน่วยงานเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็อย่าไปทำให้เกิดความขัดแย้ง...ทางพล.อ.ทวีป ก็บอกว่าทุกอย่างไม่มีการปัญหา ส่วนคนที่ไม่ได้ก็คงไม่ตาย หากคนในไม่ได้ก็ต้องหาอะไรใหม่ให้เขา” นายกฯชี้แจง พร้อมยืนยันทุกตำแหน่งที่มีการข้ามห้วย ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน หรือเลขาฯสมช. หรือเก้าอี้อื่นๆ เพราะความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เลยทำให้ต้องกลืนน้ำลายเพื่อชาติ