รถน้ำท่วม!ไม่เจ็บตัวหนัก ระวังประกันมั่วมาถึงสตาร์ท-เร่งแอร์

รถน้ำท่วม!ไม่เจ็บตัวหนัก ระวังประกันมั่วมาถึงสตาร์ท-เร่งแอร์

รถน้ำท่วม!ไม่เจ็บตัวหนัก ระวังประกันมั่วมาถึงสตาร์ท-เร่งแอร์
ปัญหาน้ำท่วมรถยนต์ที่ผู้ใช้รถหลายคนต้องประสบปัญหาโดยไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะทีปรากฏเป็นภาพข่าวในพื้นที่จังหวัดภาคอีสานขณะนี้นั้น สื่อข่าวรายงานว่าในเพจของค่ายรถและบริษัทประกันได้โพสต์ข้อมูลเพื่อประโยชน์กับผู้ใช้รถซึ่งอย่างน้อยจะสามารถลดความสูญเสียได้ โดยขั้นตอนเบื้องต้นเมื่อน้ำท่วมรถ ผู้ใช้เฟซ  บุ๊คชื่อ  Orawan Swangrussameejun แชร์ประสบการณ์ว่า
ข้อแนะนำหลังจากน้ำท่วมรถ

1. ถ่ายรูปทุกมุมโดยเฉพาะมุมที่น้ำเข้า
2. รอให้น้ำลด แล้วโทรเรียกประกัน
3. ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด ประกันไม่เคลมทันที
4. พอประกันมาบางราย จะสตาร์ทรถ แล้วเร่งแอร์แรงๆ เหยียบคันเร่งหลายๆที อย่าให้ทำเด็ดขาด 
5. เจรจาให้รถมายกไปเลย ประกันจะจ่ายค่าซักพรมให้ด้วย ค่าดูตัวเครื่อง ค่ารถยก บลาๆ
 วันนี้มีหลายประกันมาที่นี่ รู้เลยของใครดีไม่ดี นี่เห็นรถตรงข้ามช๊อตไป 2 คน มีเจ้ตะโกนมาอีกคนเรื่องสตาร์ทแล้วเร่งแอร์  ไม่รู้ถูกหรือผิดนะ แต่ดำเนินการตามนี้ก่อนนะ เพื่อความปลอดภัยของรถปกติประกันชั้น 1 เคลมให้ทุกกรณีนะ แต่ดูเงื่อนไขนิดนึง

 

 

 

ขณะเพจของค่ายรถยนต์ระบุว่า.. 
     

 1.โทรแจ้งประกันรถยนต์
โทรแจ้งประกัน รอเจ้าหน้าที่ประกันมาประเมิณความเสียหาย เมื่อรถโดนน้ำท่วมแล้ว เราต้องรีบเช็คเลยว่ารถเรามีประกันไหม แล้วใช้ประกันชั้นไหน เพราะแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองไม่เหมือนกัน ประกันรถยต์ของเราคุ้มครองอุบัติเหตุจาภัยธรรมชาติไหม เมื่อรู้แล้วว่ามีก็รีบโทรแจ้งประกันก่อนครับ ถ้าไม่มีก็ตั้งสติ แล้วค่อยๆ ทำดังนี้

2.อย่าเพิ่งต่อขั้วแบตเตอรี่รถยนต์กลับคืน

เพราะน้ำที่ค้างอยู่ในรถจะส่งผลให้ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ลัดวงจรทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิมได้ ก่อนที่น้ำจะท่วมรถถ้าเป็นไปได้อยากให้ถอดสายแบตเตอรี่รถยนต์ออกให้หมด ยกแบตเตอรี่หนีน้ำได้ยิ่งดีเพื่อป้องกันน้ำที่ท่วมทำให้ประจุไฟในเบตเตอรี่รั่วออกจนหมด แล้วถ้าเราต้องการเคลื่อนย้ายรถก็ให้ใช้รถลากจูงออกมานะครับ โดยปกติแล้วทุกกรรมธรรมประกันรถยนต์สามารถใช้บริการรถลากจูงได้ 1 ครั้งโดยไม่มีค่าบริการครับ ติดต่อบริษัทประกันที่เพื่อนๆ ใช้บริการดูนะครับ

3.เคลื่อนย้ายรถยนต์ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

ย้ายรถออกมาตากแดดเพื่อให้น้ำระเหยออกไปบ้างจากตัวรถแต่ไม่ช่วยมากนักนะครับ หลังจากนั้นตรวจสอบระดับน้ำที่ท่วมก่อนเลยครับว่าท่วมมากขนาดไหน ถ้าท่วมมิดคันขอแนะนำตรงๆ ว่าเรียกประกันรถมารับรถไปซ่อมเถอะครับ โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ ที่เป็นระบบไฟฟ้าซะส่วนมาก เพราะสิ่งที่ต้องตรวจสอบนั้นมีทั้ง ระบบเกียร์ เพลา สตาร์ทเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้าต่างๆ

4.ล้างรถให้สะอาด
รวมถึงการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถและซุ้มล้อ เพื่อล้างเศษดินทรายที่ตกค้างหรือติดอยู่ออกให้หมด ซึ่งอาจมีเศษขยะหรือหญ้าแห้งติดอยู่ ที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย


5.จัดการห้องโดยสารให้แห้ง

เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ นอกจากเรื่องของเครื่องยนต์แล้ว พรมปูพื้น และเบาะต่างๆ ที่ตกแต่งภายในห้องโดยสารควรดูแลให้แห้งถ้าเป็นไปได้เพื่อเรื่องของกลิ่นและเชื้อราภายในรถครับ ถ้าระดับน้้ำแค่ปริ่มๆ เรายังสามารถเอาพรมมาตากแห้ง เอารถตากแดดจัดๆ เพื่อให้เบาะพอหายชื้นไปได้บ้าง แต่ถ้าน้ำท่วมมิดคันก็เปิดประตูเทน้ำออกซะหน่อยแล้วไปศูนย์ให้บริการดีกว่าครับงานใหญ่เลยครับ

6.เป่าลมไล่น้ำตามรถ
ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้าแล้วใช้ที่เป่าลม หรือ หรือไดรย์เป่าผม เป่าทุกซอกทุกมุมในรถ ตรวจดูปลั๊กไฟใช้ลมเป่าทำความสะอาดทั้งหมด หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้


7.นำรถไปตรวจสภาพ
สุดท้ายแล้ว เมื่อเรานำรถมาตากแห้ง อย่าลืมเปิดประตูและหน้าต่างให้ลมโกรกนะครับ เมื่อน้ำลง แล้วรถแห้งแล้ว frank แนะนำให้นำรถไปตรวจสภาพครับ ให้ช่างด้วยเช็คด้วยดูอีกทีหนึ่งว่า รถเราเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

 

รถน้ำท่วม!ไม่เจ็บตัวหนัก ระวังประกันมั่วมาถึงสตาร์ท-เร่งแอร์

 

รถน้ำท่วม!ไม่เจ็บตัวหนัก ระวังประกันมั่วมาถึงสตาร์ท-เร่งแอร์

 

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์กับน้ำท่วม
ความคุ้มครองประกันแบ่งความเสียหายจากน้ำท่วมเป็นสองแบบคือ การสูญเสียโดยสิ้นเชิง กับ ความเสียหายบางส่วน
1.การสูญเสียโดยสิ้นเชิง
คือกรณี น้ำท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วยคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร บริษัทประกันประเมิณว่า ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม บริษัทประกันยินดีที่จะจ่ายเงิน 70-80% ของทุนประกันเพื่อเป็นการขอซื้อซากรถ

2.ความเสียหายบางส่วน
ถ้ารถคันนั้นไม่เสียหายมากนัก สามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ ประกันภัยก็จะตีเป็นลักษณะความเสียหายบางส่วน บริษัทประกันจะรับผิดชอบซ่อมแซมรถให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่ประกันภัยนั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

 

 

cr.FB: Orawan Swangrussameejun 

ขอบคุณข้อมูลจาก   Frank.co.th