ผบ.ตร.จะรับผิดชอบอย่างไร...อยากได้ยินคำว่าขอโทษ?!?คำถามจาก“วิทยา”ถึง“จักรทิพย์”เมื่อซื้อตำแหน่งมีจริงไม่ใช่แค่คะนองปาก!?!

จากกรณีพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจ และประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบได้สรุปผลการทำงาน หลังสอบพยานและผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 114 ปาก โดยมีทั้งผู้ที่ได้เลื่อนตำแหน่ง และผู้ที่รักษาการหรือที่เรียกกันว่า เปิดหลุมกว่า 30 ปาก ผู้ที่ได้รับการสับเปลี่ยนหมุนเวียน และที่ทำหน้าที่จัดทำบัญชีโยกย้าย รวมถึง พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท อดีต ผบช.ภ.8 และนายวิทยา แก้วภราดัย อดีต สส.นครศรีธรรมราช “สรุปว่ามีมูลความจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ผบ.ตร.เมื่อมีมูลความจริงก็ได้เสนอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยผู้เกี่ยวข้อง เป็นนายตำรวจ 3 นาย โดยในนี้มีนายตำรวจระดับสูงอยู่ด้วย พร้อมทั้งให้มีการพิจารณาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายและอาจมีบางส่วนต้องรับผิดในคดีอาญาด้วย”

       ล่าสุดนายวิทยา ได้ออกมากล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.ปัญญา เป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานผลให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจจะต้องนำบทเรียนนี้มาเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหา และปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จ

       “เชื่อว่าปัญหาการซื้อขายโยกย้ายตำแหน่งไม่ได้มีแค่ในพื้นที่ บช.ภ.8 แต่ยังลุกลามไปถึงโครงสร้างใหญ่อย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะฉะนั้น ตนอยากให้ยุติการโยกย้ายตำแหน่งในช่วงนี้ก่อน จนกว่าคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจจะได้แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง และเป็นธรรมกับนายตำรวจทุกคน โดยการแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องถูกจัดระบบใหม่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรณี บช.ภ.8”  นายวิทยา กล่าว

 

       นอกจากนี้นายวิทยา ยังกล่าวอีกว่า ประเด็นที่ตนติดใจเรื่องหนึ่งว่า สตช.จะรับผิดชอบอย่างไรกับตน เพราะที่ผ่านมามีการไปดำเนินการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับตน โดยเฉพาะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าตนพูดไปโดยคะนองปาก แต่ตอนนี้เห็นว่าผลสอบจาก พล.ต.อ.ปัญญา ออกมาแล้วว่าซึ่งมีมูลความจริง ทางผบ.ตร.จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร เพราะข้อมูลที่ตนพูดไปนั้นเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้พูดแค่คะนองปาก และตนอยากจะได้ยินคำขอโทษจาก สตช.ว่าจะมีหรือไม่