ผมไม่โทษใคร !?! "ทนายเกิดผล" ขอเล่าบ้าง เมื่อครั้งหนึ่ง"ผมไปขึ้นเครื่องสาย"...อ่านแล้ว"บางคน"มีสะดุ้ง !

กำลังเป็นประเด็นดราม่ายกใหญ่บนโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้สำหรับเรื่องของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ซึ่งมักมีปัญหาไม่เข้าใจกันในเรื่องของการพกพาของเหลว หรือการมาเช็คอินไม่ทัน และมักเกิดเป็นประเด็นดราม่ากันในสังคม

ทนายเกิดผล แก้วเกิด ก็ได้โพสต์ประสบการณ์การขึ้นเครื่องสายผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ผมเคยไปว่าความที่ศาลตังหวัดเบตง และต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินหาดใหญ่ เวลา ประมาณ 22 นาฬิกา แต่การว่าความเอาเวลาแน่นอนไม่ได้ กว่าจะสืบพยานเสร็จ เซ็นเอกสาร ก็ปาไปถึง 18 นาฬิกาเศษ

การเดินทางด้วยรถยนต์ จากเบตง ถึง สนามบินหาดใหญ่ คนพื้นที่ที่ชำนาญเส้นทางต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง ถ้าไม่ชำนาญเส้นทาง ก็คงไม่น้อยกว่า 5 - 6 ชั่วโมง สายการบินที่ผมใช้บริการ ไม่สามารถเช็คอินทางช่องทางอื่นได้ ต้องไปเช็คอิน ที่สนามบินเท่านั้น

วันนั้นรถติดมาก...ไปถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่กำลังออกจากเค้าเตอร์ ผมต้องขอร้องเขาให้ช่วยเช็คอินให้ผมด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจมาช้า แต่การพิจารณาคดีของศาลใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

เจ้าหน้าที่เค้าเตอร์ให้ผมเช็คอิน และวิ่งเข้าไปข้างในทันที ไม่มีโอกาสที่จะโหลดกระเป๋าใดๆ

ผมไม่โทษใคร ไม่โทษเจ้าหน้าที่ ไม่โทษตัวเอง อะไรเอาไปไม่ได้ก็เอาทิ้ง บางอย่างก็ไปซื้อเอาใหม่ได้ ของนอกกายไม่ตายก็หาเอาใหม่ ขอให้ขึ้นเครื่องได้ก็พอ

เรื่องเล็กๆน้อยๆ บางทีก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ถ้าไม่ปล่อยวาง

อมิตตาพุทธ

สำหรับเรื่องนี้หลายๆคนคงติดตามกันอยู่เช่นกันกับประเด็นทนายชื่อดังคนหนึ่งที่อัดคลิปวิดีโอโวยวายเจ้าหน้าที่สายการบินเรื่องการนำของเหลวขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2560 ในเพจเฟซบุ๊ก "ประมาณ ว่า.."  ได้เผยแพร่แพร่เรื่องราวหลังจากที่จะเดินทางไปเชียงราย โดยจะขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง แต่ต้องนำกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องเนื่องจากโหลดกระเป๋าไม่ทัน โดยได้ระบุข้อความว่า...

"วันนี้มาดอนเมืองจะไปเชียงราย โหลดกระเป๋าไม่ทัน เลยต้องเอากระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง ปรากฎว่า ของเหลวในกระเป๋ามี 120 กรัมกับ 150 กรัมห้ามขึ้นเครื่อง ผมขอฝากไว้บอกเดี๋ยวให้คนมาเอา เขาบอกไม่รับฝาก(ดูเถอะครับนี่ขนาดเป็นเจ้าหน้าที่คนไทยด้วยกัน น้ำใจหาไม่ได้เลยครับ) ผมบอกงั้นเดี๋ยวผมเอาไปฝากไว้ที่ร้านค้าเองวันหลังค่อยมาเอา เขาบอกไม่ได้ต้องอยู่ในเขตตรวจสัมภาระ ไอ้เราก็จะไม่ทันขึ้นเครื่อง เลยต้องหยุดสนทนาผมเลยเอาครีมล้างหน้ากับน้ำมันรกแกะวางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆที่ตรวจสัมภาระ และประกาศว่าผมยังหวงแหนและไม่ได้ละทิ้งการครอบครอง ใครเอาไปถือว่าลักทรัพย์แล้วก็ถ่ายภาพไว้. ใครผ่านไปช่วยดูหน่อยนะครับว่าของยังอยู่รึป่าว"

ทว่าประเด็นที่เกิดขึ้นก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทนายท่านนี้ โดยมีความเห็นทำนองว่าผิดหวังในตัวทนายท่านนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากกฎของสนามบินก็ระบุชัดอยู่แล้วเรื่องการนำของเหลวขึ้นบนเครื่อง 

 

 

 

อ้างอิง เกิดผล แก้วเกิด และ ประมาณ ว่า..