ทางกองทัพ จะเตรียมแผนการทางทหารในการโจมตีเกาะกวมด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซอง-12

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพิ่งมีมติอนุมัติให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือ โดยสั่งห้ามการส่งออกและจำกัดการลงทุน สร้างความไม่พอใจต่อเกาหลีเหนือ จนออกมากล่าวว่า สหรัฐฯ จะต้องชดใช้ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังกล่าวภายหลังการอนุมัติคว่ำบาตรของยูเอ็นเอสซีด้วยว่า จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป

 




เมื่อวันที่
9 สิงหาคม 2560 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จัดการ เกาหลีเหนือ อย่างดุเดือด แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน หากว่าเกาหลีเหนือยังทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ซึ่งคำกล่าวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีรายงานข่าวว่า ทางด้านเกาหลีเหนือสามารถที่จะสร้างหัวรบนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กพอที่จะติดที่ขีปนาวุธได้แล้ว ซึ่งหมายความว่า เกาหลีเหนือสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถยิงไกลถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ได้รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ก่อนหน้านี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพิ่งมีมติอนุมัติให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือ โดยสั่งห้ามการส่งออกและจำกัดการลงทุน สร้างความไม่พอใจต่อเกาหลีเหนือ จนออกมากล่าวว่า สหรัฐฯ จะต้องชดใช้ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังกล่าวภายหลังการอนุมัติคว่ำบาตรของยูเอ็นเอสซีด้วยว่า จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป

ล่าสุด สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ได้รายงานข่าวว่า เกาหลีเหนือกำลังพิจารณาที่จะยิงขีปนาวุธพิสัยกลางถึงไกลโจมตีใส่ค่ายทหารของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่บนเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ประจำการของเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพสหรัฐฯ โดยคำขู่ของเกาหลีเหนืออาจจะเป็นการตอบโต้การซ้อมรบของกองทัพสหรัฐฯ ที่เกาะกวม และมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะจัดการกับเกาหลีเหนืออย่างดุเดือดแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน หากว่าเกาหลีเหนือยังทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ

 

 

 


พล.อ. คิม รัก-กยอม ผู้บัญชาการกองกำลังทางยุทธศาสตร์ของกองทัพประชาชนเกาหลี ( เคพีเอ ) ให้ข้อมูลว่า ทางกองทัพ จะเตรียมแผนการทางทหารในการโจมตีเกาะกวมด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซอง-12 ให้เสร็จสิ้นภายในกลางเดือน สิงหาคม นี้ ซึ่งหลังจากนั้นจะเหลือเพียงการรอคำสั่งอนุมัติจาก นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเท่านั้น โดยทันทีที่ได้รับคำสั่ง ขีปนาวุธอย่างน้อย 4 ลูก ใช้เวลา 1,065 วินาที ในการเดินทางเป็นระยะทาง 3,356.7 กิโลเมตร ผ่านเมืองชิมาเนะ เมืองฮิโรชิมา และเมืองโคอิจิของญี่ปุ่น ก่อนโจมตีน่านน้ำที่ห่างจากเกาะกวมเพียง 30-40 กิโลเมตร

 

กองทัพเกาหลีเหนือ  เตรียมแผนใช้ ขีปนาวุธ “ฮวาซอง-12”  4 ลูก ถล่มเกาะกวม ภายในกลางเดือนสิงหาคมนี้
 

 

 

ด้าน นายเอ็ดดี แคลโว ผู้ว่าการเกาะกวมของสหรัฐฯ ได้ทำการแถลงต่อประชาชน ว่ารัฐบาลท้องถิ่นของเกาะกวมประสานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯมาตลอด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคนในพื้นที่ รวมถึงเครือรัฐหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะกวมด้วย จึงขอให้ทุกฝ่ายไว้วางใจได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ปราศจากภัยคุกคามภายนอก และขอให้การดำเนินชีวิตประจำวันของทุกฝ่ายเป็นไปตามปกติ การโจมตีทางทหารต่อเกาะกวมเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของสหรัฐฯ การโจมตีทางทหารต่อเกาะกวมเท่ากับเป็นการรุกรานสหรัฐฯ ปัจจุบันเกาะกวมเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน และท่าเทียบเรือกวม มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ราว 6,000 นาย มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายยุทธศาตร์ทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เนื่องจากตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับทะเลจีนใต้

ขณะที่ประชาชนบนเกาะกวมจำนวนไม่น้อยเริ่มมีความหวั่นวิตกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 


 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาประกาศสนับสนุนจุดยืนของสหรัฐฯ โดย นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่าญี่ปุ่นสนับสนุนสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ ขณะที่ทางด้านกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นออกรายงานในเอกสารความหนา 563 หน้า ระบุว่า ญี่ปุ่นคิดว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้นพัฒนามาได้ไกล และมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะประสบความสำเร็จแล้ว ในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์

ขณะที่ทางด้านเกาหลีใต้ โดยนายมุน แจอิน ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการทหารครั้งใหญ่ โดยย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องยกศักยภาพการกลาโหม เพื่อรับมือกับการยั่วยุจากอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ

การประชุมร่วมกับผู้บัญชาการระดับสูงของทั้ง 3 กองทัพ ของเกาหลีใต้ ด้านผู้นำเกาหลีใต้ บอกว่า ทางการจำเป็นต้องปฏิรูปด้านกลาโหมทั้งหมดแทนที่จะมาปรับปรุง เพราะเป็นงานเร่งด่วนที่จะต้องสร้างความมั่นใจในศักยภาพของกองทัพ ว่าจะสามารถรับมือกับการยั่วยุจากเกาหลีเหนือได้

ส่วนหนึ่งในความพยายามเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้แก่กองทัพเกาหลีใต้ คือ การประจำการขีปนาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงมากกว่านี้ โดยในระหว่างการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีมุน แจอิน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ผ่านมา โดยผู้นำเกาหลีใต้ขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ช่วยสนับสนุนการทบทวนข้อตกลงของสหรัฐฯ และเกาหลี ว่าด้วยเรื่องขีปนาวุธ เพราะข้อตกลงดังกล่าวจำกัดให้พิสัยการยิงของขีปนาวุธเกาหลีใต้อยู่ได้แค่ 800 กิโลเมตร และมีน้ำหนัก 500 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ขณะนี้ ทางการเกาหลีใต้ต้องการเพิ่มศักยภาพของขีปนาวุธให้มีน้ำหนักอย่างน้อย 1,000 กิโลกรัม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่า น่าจะเพียงพอที่จะทำลายหลุมหลบภัยที่อยู่ลึกในเกาหลีเหนือได้