- 12 ส.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
น้อมรำลึก พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) หรือที่นิยมเรียกกันว่า หลวงตามหาบัว หรือ หลวงตาบัว เป็นพระภิกษุนิกายเถรวาทคณะธรรมยุติกนิกาย ฝ่ายอรัญวาสีวิปัสสนาธุระ ชาวจังหวัดอุดรธานี และเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด (วัดเกษรศีลคุณ) องค์แรก ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ของพระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) ซึ่งมีโอกาสอุปฐากรับใช้หลวงปู่มั่นในช่วงปัจฉิมวัยและเป็นผู้หนึ่งที่ได้บันทึกประวัติของหลวงปู่มั่นโดยละเอียดในเวลาต่อมา
หลวงตามหาบัวเป็นที่รู้จักในฐานะพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานผู้มีปฏิปทาที่มั่นคง แน่วแน่ เด็ดขาด และจริงจัง บรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่มั่นต่างนับถือกันว่าท่านเป็นลูกศิษย์องค์หนึ่งที่มีปฏิปทาที่คล้ายคลึงกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต การกล่าวขวัญถึงท่านในหมู่ผู้ศรัทธามีหลายเรื่องค่อนไปในเชิงอภินิหาร เช่น การล่วงรู้วาระจิตของบุคคลอื่น การที่เศษผม เศษเล็บ และชานหมากของท่านกลายเป็นพระธาตุไปตั้งแต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นต้น
ในตอนเช้าของวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงตามหาบัวได้สั่งกำชับพระเณรในวัดว่า
"วันนี้ จะมีบุคคลสำคัญเข้ามา พวกท่านทั้งหลายจงพากันทำความสะอาดวัดวาอาวาสให้เรียบร้อย อย่าให้บกพร่อง” พระทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่างก็ทำข้อวัตรปฏิบัติไปตามปกติ"
ในบ่ายวันนั้นเอง ชาวนาคนหนึ่งเดินสะพายแห เพื่อออกไปหาปลาเป็นอาหาร มีรถยนต์คันงามวิ่งมาจอดเทียบแล้วเรียกถามด้วยเสียงอันนุ่มนวลว่า
"ลุงๆ ทางที่จะไปวัดหลวงตาบัวไปทางไหน"
"ไปทางนี้...เด้อ..." เขากล่าวห้วนๆ แบบภาษาชาวบ้านพร้อมทั้งชี้มือและแหงนหน้าดูคนที่ถามไถ่
เมื่อเขามองดูใบหน้าบุคคลที่ถามทางอย่างเพ่งพินิจพิจารณา ภาพแห่งบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าในสมองเริ่มปรากฏห้วงนึก เข่าเริ่มอ่อนและนั่งลงกับพื้น พร้อมกับพนมมือขึ้นเหนือเศียรเกล้า กล่าวข้อความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้น ล้นเกล้าล้นกระหม่อม ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สัมผัสสมมุติเทพด้วยตาเนื้อใกล้ๆแค่เอื้อมถึง
"โอ้ !! ในหลวง...สาธุเด้อในหลวง...สาธุ...สาธุ" เขาอุทานเสียงดัง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจ
หลังจากนั้นพระองค์ท่าน จึงเสด็จไปที่วัดป่าบ้านตาดเพื่อกราบนมัสการองค์หลวงตามหาบัว เมื่อถามไถ่สนทนากันจึงทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมากับพระบรมศานุวงศ์ จากตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ไม่ได้บอกแม้กระทั้งทหารใกล้ชิด ทหารทั้งหลายต่างสืบข่าวเป็นการโกลาหลว่า เมื่อเวลาบ่ายโมงพระองค์ท่านทรงขับรถออกจากพระตำหนัก ไม่รู้ว่าเสด็จไป ณ ที่ใด ถ้าบอกข่าวการเสด็จมาล่วงหน้า กลัวเป็นการเอิกเกริกรบกวน ต้องการเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์
หลวงตามหาบัว จึงให้โอวาทว่า
"มหาบพิตร พระองค์เป็นถึงพระเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งชาติ หากพระองค์เสด็จมาโดยลำพัง มีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น จะเป็นความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา คนทั้งชาติจะไม่เหยียบหลวงตาบัวมิดแผ่นดินหรือ ?"
"กลัวจะเป็นการรบกวนองค์หลวงตา" พระองค์กล่าวพร้อมพนมพระหัตถ์ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส
"รบกวน ไม่รบกวนจะเป็นอะไร แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์พึงมาได้ทุกเมื่อ"
บันทึกของหลวงตามหาบัว เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จไปกราบหลวงตามหาบัว เป็นการส่วนพระองค์พร้อมพระบรมสานุวงศ์ที่วัดป่าบ้านตาด มีใจความดังนี้
" วันที่ ๑๐ พ.ย. ๒๒ เวลา ๑๖.๒๐ น.
พระเจ้าอยู่หัว-พระราชินี พร้อมกับเจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์
เสด็จมาเยี่ยม ประทับอยู่ ๒ ชม.กับ ๒๐ นาที จึงเสด็จกลับสกลนคร
คือ เสด็จมา ๑๖.๒๐ น. เสด็จกลับ ๑๙.๑๐ น.
ทรงถวายผ้าห่มและไทยทานอื่นๆมากมาย
พร้อมกับปัจจัย ๓ หมื่นบาท (ใบละ ๑ ร้อยล้วนๆ ๓๐๐ ใบ)
เราได้ถวายธรรมะพอประมาณ เป็นธรรมะสำคัญหลายประโยค หลายข้อ"
ที่องค์พระหลวงตามหาบัวเป็นห่วงเช่นนั้น เพราะสมัยนั้นคอมมิวนิสต์มีอยู่ทั่วไป หลังจากนั้นอีกไม่นาน เสียงรถทหารตำรวจที่สืบทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาวัดป่าบ้านตาด จึงติดตามมาอารักขาเป็นทิวแถว ชาวบ้านบางคนไม่รู้เรื่อง เห็นรถทหารตำรวจบึ่งมาเป็นทางยาว บางคนวิ่งหนีเข้าบ้านนึกว่าเกิดศึกสงคราม
คัดลอกจากหนังสือ “หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่” โดย พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร
ที่มาจาก : เพจ ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน
https://th.wikipedia.org/wiki/พระธรรมวิสุทธิมงคล_(บัว ญาณสมฺปนฺโน)