"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

ผมยอมแพ้ท่านแล้ว พ่อท่านคล้าย ยอมยกธงขาวทันทีเมื่อหลวงพ่อจงใช้มือเปล่าวางบนปากขวดแล้วมีแสงสว่างขึ้นและมีน้ำไหลจากมือหลวงพ่อไหลลงไปในขวด ...

"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

เกี่ยวกับภาพถ่ายนี้ ในงานพุทธาภิเษกที่วัดสุทัศน์ ครั้งนั้นทางเจ้าภาพได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ไปหลายรูปด้วยกัน ซึ่งเจ้าของภาพจำ ได้ว่า ๒ รูป ที่เขาเห็นและศรัทธาอย่างยิ่งก็คือ

<๑.พ่อท่านคล้าย วัดสวนขันธ์

๒.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

สาเหตุเพราะได้ประจักษ์กับตา ถึงอภินิหารของทั้งสองท่านนี้ แต่ว่าไม่สามารถถ่ายภาพของหลวงพ่อคล้ายได้ ถ่ายได้เฉพาะหลวงพ่อจงรูปเดียวเพราะเขาไม่คิด ว่าจะมีการทดลองวิชาของพระคุณเจ้าเกิดขึ้น ที่มาของภาพมีดังนี้

ในงานนั้นพ่อท่านคล้ายและหลวงพ่อจง นั่งพักอยู่ใกล้ๆกัน ก็บังเอิญมีโยมคนหนึ่ง มาขอให้ พ่อท่านคล้าย ช่วยทำน้ำมนต์ให้ พ่อท่านจึงบอกกับโยมคนนั้นว่า ให้ไปเอาขวดมา และเอาน้ำมาแก้วหนึ่งด้วย ท่านจะทำน้ำมนต์ให้ โยมคนนั้นก็ไปเอาขวดและน้ำมาให้พ่อท่านคล้ายทำน้ำมนต์ พ่อท่านรับแก้วน้ำมาแล้วให้โยมคนนั้นเอาขวดไปตั้งไว้ข้างหน้าห่างไปพอสมควร จากนั้น พ่อท่านก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาเหมือนดื่ม แต่ไม่ได้ดื่ม เพียงอมไว้แล้วก็พ่นน้ำไปที่ขวดใบนั้น พรวดเดียวน้ำเต็มขวดเลย

หลวงพ่อจงท่านหันมามองแล้วก็หัวร่อ หึ หึ แล้วก็บอกว่าจ้ะ....ฉันก็ทำได้ แล้วก็ให้โยมคนนั้นไปเอาขวดมาหนึ่งใบ โยมคนนั้นก็ดีใจ เพราะวันนี้จะได้น้ำมนต์วิเศษจากพระเกจิอาจารย์ดังถึงสองรูปด้วยกัน และที่สำคัญวิธีทำน้ำมนต์ของท่านนั้นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก จึงรีบไปเอาขวดและน้ำมาให้หลวงพ่อจง หลวงพ่อท่านไม่เอาน้ำ รับไว้เพียงขวดเปล่า จากนั้นท่านก็เอามือประสานกันบนปากขวดก็ปรากฏมีแสงสว่างขึ้นและมีน้ำไหลจาก มือหลวงพ่อไหลลงไปในขวด ดังภาพ ฝ่ายพ่อท่านคล้ายเห็นดังนั้น ก็รีบยกมือไหว้แล้วก็กล่าวว่า ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว

ผู้ที่ถ่ายภาพนี้บอกว่า เสียดายที่ถ่ายภาพตอนพ่อท่านคล้ายทำน้ำมนต์ไม่ทัน แต่พอเขารู้ว่าหลวงพ่อจงจะทำน้ำมนต์ด้วย จึงรีบตั้งกล้องคอยท่าไว้ พอหลวงพ่อทำน้ำมนต์ให้ไหลลงไปในขวดเขาก็เลยถ่ายภาพนี้เอาไว้ได้

"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

หลวงพ่อจง พุทธสโร มีนามเดิมว่า "จง" เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ปีวอก พุทธศักราช ๒๔๑๕ ที่ตำบล หน้าไม้ อำเภอ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายยอด มารดาชื่อนางขลิบ มีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน คือ

๑.หลวงพ่อจง พุทธสโร ๒.หลวงพ่อนิล ธมมโชติ ๓.นางปริด สุนสโมสร

เมื่ออายุได้ ๑๑ ขวบ ได้บวชเป็นสามเณร ที่วัดหน้าต่างใน จนอายุ ๒๑ ปี ในปี ๒๔๓๕จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหน้าต่างใน โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปชฌาย์ พระอาจารย์อินทร วัดหน้าต่างนอก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์โพธิ์ วัดหน้าต่างใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร

หลวงพ่อจงได้ศึกษาอักษรไทยและอักษรขอมกับพระอาจารย์โพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ผู้เป็นพระอนุสวนาจารย์ของท่าน ท่านอาจารย์โพธิ์องค์นี้เชี่ยวชาญชำนาญในพระเวทย์วิทยาคมยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ ต่อมาท่านยังฝากตัวเป็นศิษย์เรียนพระกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล และหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ จนเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้ชำนาญในปี ๒๔๕o ท่านได้ถูกแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เมื่อครั้งนั้น หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ หลวงพ่อปั้นวัดพิกุล และพระอาจารย์โพธิ์ วัดหน้าต่างใน ซึ่งเป็นพระอาจารย์หลวงพ่อจงกำลังมีชื่อเสียงมากในขณะนั้น ภายหลังพระอาจารย์ทั้ง ๓ ได้มรณะภาพลง จึงทำให้หลวงพ่อจงเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวพุทธในอยุธยา

"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

อิทธิฤทธิ์ทหารผี หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา
ซึ่งในวันนี้ก็จะมาพูดถึง "อิทธิฤทธิ์ทหารผี" กันนะครับ โดยในสมัยสงครามอินโดจีน ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๘๔ หรือระหว่างปี ๑๙๔o - ๑๙๔๑ ซึ่งมีทหารของประเทศไทย อยู่หน่วยหนึ่งซึ่งบุคคลทั่วไปในสมัยนั้นให้ฉายากันว่า "ทหารผี" โดยที่ทหารไทยหน่วยนี้ได้ถูกเรียกขานด้วยฉายานี้ก็เพราะว่า ทหารหน่วยนี้ มีอิทธิฤทธิ์ลึกลับ วิ่งเข้าใส่กลุ่มศัตรูข้าศึก โดยกลัวเกรงกลัวต่อความตายเลยครับ และทั้งๆที่ศัตรูก็สาดกระสุนใส่ทหารหน่วยนี้ แต่แล้วกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยจากกระสุนปืนที่กระหน่ำใส่ โดยมีคนกล่าวกันว่า แม้จะ ถูกยิงล้มลงไปกับพื้นดิน แต่ก็กลับลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ต่อ จะยิงด้วยกระสุนปืนอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะหมายเอาชีวิตทหารหน่วยนี้ได้เลย และก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆจากอาวุธของมีคมหรือกระสุนปืน และเมื่อเข้าปะทะถึงตัวกัน ดาบปลายปืนที่ใช้งานกันในสนามรบ กลับฟันแทงไม่เข้า ทำแต่เพียงแค่เสื้อผ้าขาดเท่า นั้นเองครับซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งครับทุกท่าน

โดยบรรดาทหารผีหน่วยนี้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลในสมัยสงครามอินโดจีนล้วนแล้วแต่เป็น ลูกศิษย์ของหลวงพ่อจง กันทั้งสิ้นเลยครับ และส่วนมากก็เป็นคนพื้นเพจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันทั้งนั้น มีของขลังของหลวงพ่อจงติดตัวกันแทบทุกคน โดย พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อจง นั้นมีมากมายหลายอย่าง เช่น ลงอักขระยันต์, รูปถ่ายของหลวงพ่อจง, ลูกอม, ปลาตะเพียน, ผ้ายันต์, เงินขวัญถุง, แหวน เป็นต้นแต่ผ้ายันต์ของหลวงพ่อจงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ขาดไม่ได้ ก็คือ รูปดอกจันทร์ กับสิงห์คาถากำกับ ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดศึกษากันมา

"ท่านจง ผมยอมแพ้ท่านแล้ว" เผยภาพหายาก! ขณะหลวงพ่อจงแสดงปาฏิหาริย์ เพียงแค่ใช้มือเปล่าๆกับขวด1ใบ แต่ทำเอาพ่อท่านคล้ายอึ้งจนยอมยกธง

หลวงพ่อจง พุทธสโร ท่านเป็นพระเกจิชื่อดังของเมืองกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อครั้งท่านมีชีวิตท่านได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและพุทธบริษัททั้งหลายโดยมิได้เลือกชนชั้นวรรณะ ใครขออะไรท่านปลดทุกข์คลายโศกให้ด้วยจิตที่มีเมตตาแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่เหล่าลูกศิษย์และผู้เคารพศรัทธายังคงรำลึกถึงท่านเสมอมา และท่านยังเป็นพระสหธรรมมิกกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค และหลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ดใน ด้วย

เช้าตรู่ของวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ปี ๒๕o๘ เวลา o๑:๕๕ น.หลวงพ่อจงได้ มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ณ กุฏิของท่านนั้นเอง สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๑o เดือน ๑๗ วัน พรรษา ๗๒

… หลวงพ่อจงก็หมดลมละสังขารด้วยความสงบ โดยไม่มีอาการทุรนทุรายใด ๆ ทั้งสิ้นแต่น้อยเลย เพราะท่านมรณภาพในฌาน เมื่อมีพระลูกศิษย์นั่งทางในดูก็จะเห็นแต่ลูกไฟดวงใหญ่มีแสงสีเหลืองนวลสว่างไสวลอยออกจากศีรษะของหลวงพ่อจงหายขึ้นไปอย่างรวดเร็ว… ดูตามท่านไม่ทันจริง ๆ สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะไปทั่วกุฏิ เพราะพระและฆราวาสทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่น ต่างก็เห็นดวงไฟลอยออกจากร่างหลวงพ่อจงด้วยตาเปล่าเหมือนกันหมด แม้แต่ชาวบ้านทุก ๆ คนที่นั่งอยู่นอกกุฏิก็ยังเห็นลูกไฟดวงใหญ่พุ่งออกมาจากกุฏิหายขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ เหมือนกับว่าท่านจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้คนเห็นครั้งสุดท้ายเป็นการอำลาอย่างนั้นแหละพอชาวบ้านรู้ว่าหลวงพ่อจงท่านละสังขารแล้วเท่านั้น ก็พากันร้องไห้ระงม ฮือออกันเข้าไปยื้อแย่งฉีกจีวรกันใหญ่ พอตอนเช้าก็มีคนแห่กันมาอีกฉีกจีวรจนต้องเปลี่ยนใหม่ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด แม้แต่สายสิญจน์ที่โยงจากศพยังแย่งกัน บางคนเอาขมิ้นทามือ ทาเท้า พิมพ์ลงผ้ากันจนมือเท้าของหลวงพ่อเหลืองไปหมด บางคนถอนเล็บออกจากนิ้วมือนิ้วเท้า ยังมีเลือดแดง ๆ ติดอยู่เลย มีอยู่รายหนึ่งถึงกับตัดนิ้วมือของท่านไป ปัจจุบันยังใช้ติดตัวอยู่ ก็คนพื้นที่นั่นแหละ ไปถามคนที่นั่นรู้จักชื่อกันทั้งนั้น ดูความศรัทธาที่พวกเขามีต่อท่านซิ แม้แต่ตายแล้วสังขารก็ยังถูกรบกวนไม่มีที่สิ้นสุดสมกับที่ท่านเคยบอกให้ฉันฟังว่า…”ฉันเกิดมาเพื่อใช้หนี้ชาวบ้านเขา”…จริง ๆ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ  : Best one – Best ,krabentongnam2511.spaces.live.com

(www.prayotniyom.com), Palungjit.org.,G- Pra.com , นิตยสารพระท่าพระจันทร์