ไปไกลจนเกือบกู่ไม่กลับ UNODCร่วม พม.เร่งมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์จากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน

ไปไกลจนเกือบกู่ไม่กลับ UNODC ร่วม พม.เร่งมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์จากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน

วันนี้  ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า นายไมตรี  อินทุสุต  ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวถึงกรณี น.ส. แดนนา เดวี ที่ปรึกษาฝ่ายวิจัยอาวุโสสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)  เปิดตัวรายงาน การค้ามนุษย์ฉบับใหม่ที่กรุงเทพฯ ว่า         ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการล่อลวงและลักพา ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก จากประเทศเพื่อนบ้านยากจน เช่น ประเทศกัมพูชา    และเมียนมา โดยเหยื่อเหล่านี้ หลายคนถูกบังคับให้ทำงานค้าประเวณีในประเทศไทย และงานที่ต้องใช้แรงงานอย่างเข้มข้น            เช่น ประมง ก่อสร้าง ภาคเกษตร และถูกล่วงละเมิดหลายครั้ง อีกทั้งนายเจเรมี ดักลาส ตัวแทนประจำภูมิภาคของ UNODC        กล่าวว่า จากข้อมูลข่าวกรองล่าสุดชี้ว่า ศูนย์กลางการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กแล้วเผยแพร่ทางเว็บแคมย้ายจากประเทศฟิลิปปินส์มายังประเทศไทย หลังจากถูกทางการฟิลิปปินส์ปราบปรามอย่างหนัก ส่วนผู้เสียหายมีทั้งเด็กไทยและจากประเทศเพื่อนบ้าน ว่า ทางรัฐบาลไทย โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปราม    การค้ามนุษย์ ที่มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและให้ส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินงานให้มีผลเป็นรูปธรรม  โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2560 โดยมี พลเอก ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  ได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการในระยะ 6 เดือน  ที่ได้บูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานอย่างครอบคลุมทุกมิติของการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมถึง         การปิดจุดอ่อนของข้อเสนอแนะ 11 ข้อ ที่ทางสหรัฐอเมริการะบุไว้ในรายงานค้ามนุษย์ ประจำปี 2560 ทั้งนี้ มีการมอบหมายให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติอย่างเข้มงวด จริงจัง และดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2560

 

ไปไกลจนเกือบกู่ไม่กลับ UNODCร่วม พม.เร่งมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์จากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน

นายไมตรี กล่าวต่อว่า ด้วยประเทศไทยมีพรมแดนติดกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (ประเทศเมียนมา ลาว  และกัมพูชา) และด้วยความแตกต่างทางเศรษฐกิจ ทำให้มีการหลั่งไหลของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมายังประเทศไทย ทั้งถูกและผิดกฎหมาย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ดำเนินการทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์กับประเทศ  ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และได้ร่วมให้สัตยาบันในอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรี และเด็ก  ซึ่งนำมาสู่การปฏิบัติทั้งในด้านการป้องกัน ปราบปราม และคุ้มครองผู้เสียหายการค้ามนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน อีกทั้ง    รัฐบาลไทยได้ร่วมมือกับประเทศต้นทางเพื่อป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยสนับสนุนงบประมาณให้ประเทศลาวและกัมพูชา    จัดตั้งศูนย์แรกรับผู้เสียหายการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยง เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสในการฝึกอบรมอาชีพและการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กลุ่มเป้าหมายมีรายได้เลี้ยงตนเองได้อย่างยั่งยืน 

 

ไปไกลจนเกือบกู่ไม่กลับ UNODCร่วม พม.เร่งมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์จากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการคัดแยกผู้เสียหายการค้ามนุษย์จากกลุ่มเสี่ยงและผู้ลักลอบหลบหนี        เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย  โดยกระทรวง พม. จะรับผู้เสียหายการค้ามนุษย์เข้าไว้ในความคุ้มครองของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (Shelter) จำนวน 8 แห่งทั่วประเทศ และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสถานคุ้มครองของเอกชนเพื่อ               ให้การคุ้มครองผู้เสียหายการค้ามนุษย์มีทางเลือกเพิ่มขึ้น     

 

ไปไกลจนเกือบกู่ไม่กลับ UNODCร่วม พม.เร่งมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์จากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน