ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อสมเพชร วัดภูพลาญเพชร จ.ศรีสะเกษ  เมตตาเล่าเรื่องข้าวทิพย์เทวดา

                ถ้าใครเคยอ่านเรื่องราวของพระธุดงค์ผู้ทรงเมตตาฌานหรือเรื่องราวของพระอภิญญาหลายๆรูป คงเคยได้ยินเรื่องการบิณฑบาตรข้าวทิพย์ อันเป็นข้าวของคนลับแลบ้าง ข้าวที่รุกขเทวดาบ้างนำมาถวายพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบภายในป่าลึก อย่างเช่นองค์หลวงปู่ชอบ ฐาสโม ท่านก็เคยได้รับข้าวทิพย์จากพวกเทวดา หรือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำยามเมื่อท่านไปธุดงค์ในป่าลึกไม่มีบ้านคนอยู่เลยท่านก็ได้รับข้าวทิพย์จากเทวดาเช่นกัน นอกจากนี้ที่โด่งดังมากก็คือเรื่องของหลวงพ่อยี ผู้ทรงอภิญญา ท่านสามารถบิณฑบาตรข้าวทิพย์ได้เป็นประจำ

                อันว่าข้าวทิพย์ที่กล่าวมานี้เป็นข้าวจากเมืองลับแลหรือจากอำนาจของเทวดาที่สูงขึ้นไป พ่อแม่ครูอาจารย์พระป่าสายปฏิบัติกล่าวตรงกันว่า ข้าวทิพย์ที่เทวดาหรือพวกกายทิพย์นำมาถวายนั้น มักเป็นข้าวสีเหลืองอ่อนๆที่แปลกคือมีกลิ่นหอม หอมมากแต่ไม่ได้หอมแบบฉุนๆ เหมือนอย่างน้ำหอมในโลกมนุษย์  ข้าวทิพย์ของเทวดาทานนิดเดียวอิ่มไปทั้งวัน อิ่มในที่นี้คือไม่หิวและไม่กระหายน้ำด้วย มีกำลังวังชาดีมาก และไม่หนักตัวเหมือนกับเวลาฉันอาหารตามปกติ

                เรื่องข้าวทิพย์ดังกล่าวมานี้ก็ปรากฏอยู่ในเรื่องราวของหลวงปู่สรวงด้วยเช่นกัน พระอาจารย์อดิศักดิ์ พิมนนท์ ได้เปิดเผยให้ผู้เขียนทราบว่า ท่านมีโอกาสได้สนทนากับพระอาจารย์สมเพชร วัดพลาญเพชร จ.ศรีสะเกษซึ่งท่านได้ฉันข้าวทิพย์ของหลวงปู่สรวง ฉันเพียงนิดเดียวเท่านั้นกลับสามารถทำให้อิ่มไปหลายวันเป็นที่อัศจรรย์

หลวงตาแก่ๆยืนอุ้มบาตรที่ตอไม้.."หลวงปู่สรวง" กลับมาพร้อมข้าวสีเหลืองกลิ่นหอมมากมาย เมตตาเณรน้อยให้ฉัน..อิ่มไปหลายวัน..

เรื่องราวของข้าวทิพย์หลวงปู่สรวง มีเรื่องเล่าไว้ดังนี้

 "พระอาจารย์สมเพชรได้พบกับหลวงปู่สรวงเมื่อสมัยยังเป็นสามเณรโดยสมัยนั้นสามเณรสมเพชรได้พบกับหลวงปู่สรวงผู้วิเศษที่ชาวบ้านเรียกว่าเทวดาเดินดินเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ ขณะนั้นสามเณรสมเพชรได้จำวัดอยู่ที่วัดบ้านโพธิ์ทอง ตำบลละลม อำเภอขันธ์ ศรีสะเกษ

ในช่วงนั้น พระเณรในวัดต่าง ๆ ที่สังกัดตำบลโสน ตำบลละลม ต้องไปสอบธรรมสนามหลวงที่โรงเรียนบ้านโสน ในการไปสอบธรรมสนามหลวงต้องเดินเท้าลัดทุ่งนาไปผ่านบ้านธาตุ บ้านละลมและเดินทางไปผ่านบ้านตาเนียมขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ๖โมงเช้า รู้สึกเหนื่อยมากกับการเดินทางจึงเข้าไปพักในศาลากลางหมู่บ้านซึ่งอยู่ติดทางที่เดินผ่าน

ส่วนสามเณรสมพร และ สามเณรบุญยัง ที่เดินทางไปสอบด้วยกัน ไม่ยอมพักคงมีแต่สามเณรสมเพชร เพียงองค์เดียวที่หยุดพักเพราะหิวน้ำมากจึงพักที่ศาลานั้นขณะที่สามเณรสมเพชรเข้าไปในศาลาไม่มีใครอยู่เลย แต่มีรอยกวาดแผ่นไม้กระดานปูพื้นในศาลา๓-๔ แผ่น และกองไฟอยู่ในพื้นดิน มีผ้าขาว และผ้าสบงเก่า ๆวางอยู่

สามเณรสมเพชรเลยนั่งลงพักให้หายเหนื่อย และหาน้ำดื่มแต่ไม่มีน้ำให้ดื่ม มองออกไปข้างนอกที่เป็นทุ่งนาเห็นหลวงตาแก่ ๆ รูปหนึ่งอุ้มบาตรยืนอยู่ที่ตอไม้ประมาณ ๑๐ นาที แล้วท่านก็เดินเข้ามาในศาลา สามเณรสมเพชรเดินเข้าไปหาหลวงตาหวังว่าจะรับบาตรตามนิสัยของเณร แต่พอเดินไปถึงก็นั่งคุกเข่าลงกราบหลวงตาลึกลับรูปนั้น

หลวงตาแก่ๆยืนอุ้มบาตรที่ตอไม้.."หลวงปู่สรวง" กลับมาพร้อมข้าวสีเหลืองกลิ่นหอมมากมาย เมตตาเณรน้อยให้ฉัน..อิ่มไปหลายวัน..

แต่หลวงตารูปดังกล่าวกลับเดินเข้าศาลาไปโดยไม่ได้หยุดยืนให้เณรกราบเลย ทั้งไม่พูดจาอันใดด้วย ด้านสามเณรสมเพชรจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามหลวงตาไปติดๆ ในขณะนั้นเองที่เณรสมเพชรได้กลิ่นหอมประหลาดอันมาจากข้าวในบาตรหลวงตา จึงชะโงกมองดูในบาตรเห็นมีข้าวอยู่ประมาณ ๒-๓ ทัพพีเห็นจะได้  ที่น่าสังเกตคือข้าวดังกล่าวมีสีออกเหลืองแต่มีกลิ่นที่หอมมาก

กลิ่นหอมจากข้าวทำให้เณรรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที หลวงตาเอามือปั้นข้าวใน บาตรแล้วยื่นให้เณร พูดสั้น ๆ ว่า “ฮื้อฉันโตว” (บอกให้เณรฉันข้าว)

เณรรับเอาข้าวที่หลวงตายื่นให้แล้วฉันตามที่หลวงตาบอก แปลกมากข้าวไม่มีกับไม่มีเกลือไม่มีน้ำปลาเลยแต่รสชาติของข้าวนั้นดีมากอร่อยมาก และจากนั้นเณรก็ไม่หิวข้าวอีกเลย และไม่รู้สึกหิวเลยมันอิ่มอยู่ตลอดเวลาหลายวัน

หลายปีต่อมา ความรู้สึกที่มีอยู่ ณ วันนั้นก็ไม่หายไปจากความทรงจำของเณรเลย และในปี พ.ศ.๒๕๓๐ – ๒๕๓๙ หลังจากข้าพเจ้าได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ได้พบกับหลวงตาอีก ในนามหลวงตาสรวงอยู่ในกระท่อมต่างๆ บริเวณเขตอำเภอขุขันธ์ บัวเชด ภูสิงห์และตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชา

หลวงตาแก่ๆยืนอุ้มบาตรที่ตอไม้.."หลวงปู่สรวง" กลับมาพร้อมข้าวสีเหลืองกลิ่นหอมมากมาย เมตตาเณรน้อยให้ฉัน..อิ่มไปหลายวัน..

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้จาก หนังสือ หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน โดยทิพยจักร

เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์