ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ถึงจะนอนเป็นอัมพาต แต่ก็รับรู้ได้ด้วย “ญาณ” ! เมื่อศิษย์ดื้อไม่ยอมภาวนา เอาแต่นอน “หลวงปู่ชอบ” ยังตรวจรู้ผ่านจิต ไม่ต้องเดินไปดูแม้แต่น้อย

 

เล่าเรื่องหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ในปี ๒๕๑๔  ภิกษุในวัยชรามาก ท่านได้ภาวนาเห็นกระดูกของตนเอง แตกละเอียดข้างหนึ่ง ทางด้านซ้าย ท่านยังไม่ทันพิจารณาแน่นอนว่า จะเป็นอย่างไร เย็นนั้นก็เริ่มมีอาการปวดอย่างมากตามตัว โดยเฉพาะทางแขนขาข้างซ้าย พระเณรไปช่วยนวด แต่ท่านก็เพียงรู้สึกสบายเวลานวด ...หยุดเข้าก็กลับปวด ไม่ทุเลา ท่านเริ่มรู้สึกว่า ร่างกายทางซีกซ้ายชามากขึ้น แต่ท่านก็ยังฝืนเดิน วันหนึ่งกลับมาจากบิณฑบาต ท่านประคองตัวมาได้พอถึงวัด ก็ต้องล้มลง เพราะร่างกาย แขน ขา ทางซีกซ้ายนั้นชา หมดความรู้สึกไปหมด

 

ท่านเล่าว่า ท่านได้มีนิมิต เห็นคนร่างสูงใหญ่ มาขวางประตูไว้ ถามท่านว่า “จะไปวันนี้ แน่หรือ”

ท่านตอบว่า “เดี๋ยวก่อน โปรดสัตว์สักหน่อยเสียก่อน”

คณะศิษย์พาท่านไปรักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ รวมทั้งได้มีผู้เสนอการรักษาทั้งแบบปัจจุบันและแผนโบราณ การทำกายภาพบำบัด และนวดเส้น ฯลฯ แต่ก็มิได้หาย เดินได้อย่างเคย ความเจ็บปวดได้ทุเลาหายไป หากท่านคงเป็นอัมพาตทางซีกซ้ายมาแต่นั้น ต้องมีศิษย์คอยพยุงลุก พยุงนั่ง ช่วยเหลือทุกอิริยาบถ

ถึงจะนอนเป็นอัมพาต แต่ก็รับรู้ได้ด้วย “ญาณ” ! เมื่อศิษย์ดื้อไม่ยอมภาวนา เอาแต่นอน “หลวงปู่ชอบ” ยังตรวจรู้ผ่านจิต ไม่ต้องเดินไปดูแม้แต่น้อย

 และถึงท่านจะอาพาธเช่นนี้ แต่ธุดงค์นิสัยของท่านก็มิได้ละลดลง หลวงปู่ยังคงเมตตาเที่ยวไปโปรดญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหาตามเมืองต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ และยังคงกลับไปวิเวกตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านเคยเดินธุดงค์มาแล้ว เช่น ที่บ้านม่วงไข่ บ้านสานตม...จังหวัดเลย ผาแด่น ผาเด่ง ห้วยน้ำริน...จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอาทิ เพียงแต่มิได้เป็นการธุดงค์ด้วยเท้าอย่างเก่า แต่เป็นการธุดงค์ด้วยรถ...รถเข็น

เรื่องมีอยู่ว่ากลางดึกคืนหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่ชอบกำลังจำวัดอยู่ ท่านได้สะดุ้งขึ้นอย่างแรง  พระผู้ปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ต่างรีบจัดหมอนและผ้าห่มถวายท่าน  พระองค์หนึ่งสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านว่า ท่านสะดุ้งตื่นด้วยเหตุใด  หลวงปู่เลยบอกศิษย์ว่า  ดูเมื่อกี้นี้ไม่เห็นพระ มีแต่จระเข้อยู่เต็มกุฏิ ไปดูซิ นอนอยู่ใต้ถุนตัวหนึ่ง นอนอยู่บนเตียงตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ๆ นอนอยู่ตรงกลาง ไปดูซิ...ใช่ไหม...

 

พระเณรรีบไปดูก็จริงดังท่านว่า...! กล่าวคือ  แทนที่จะเห็นภาพพระเณรศิษย์ของท่านนั่งภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตายให้สมกับที่ปวารณาตัวถวายเป็นศิษย์พระกรรมฐาน แต่กลับมีพระเณรนอนอยู่ที่ใต้ถุน...บนเตียง...องค์ใหญ่นั้นนอนตรงกลาง...  ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมบรรดาศิษย์จึงเกรงกลัวท่านกันนัก  ท่านไม่ต้องลุกเดินไปตรวจตราดูใคร  ท่านเป็นอัมพาต นอนอยู่กับที่ แต่ท่านก็ทราบได้ดีว่า ศิษย์คนไหนภาวนาหรือไม่  ผู้ที่ไม่ภาวนา ท่านเห็นเป็นภาพจระเข้นอนกลิ้งเกลือกกองกิเลสอยู่...!!