ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

ลองวิชา ......

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ วัดบางนมโค จัดพิธีมหาพุทธภิเษกวัตถุมงคล หลวงพ่อปาน ซึ่งครั้งกระนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมมาร่วมพิธีปรกปลุกเสก ๔องค์ด้วยกันคือ

หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว / หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง / หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา / หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

ซึ่งท่านเป็นพระเถระจารย์ในศิษย์หลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโคต้องนิมนต์ท่านมาร่วมพิธีทุกครั้งเมื่อมีงาน....

หลวงพ่อมีเข้าไปในโบสถ์วัดบางนมโค เป็นองค์ที่ ๓ ต่อจากหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนและด้วยความที่หลวงพ่อมีเป็นพระอาจารย์ที่มีอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตนเห็นว่าตนเองยัง มีอายุน้อย ท่านจึงเลือกธรรมมาสที่หันหน้าเข้าหาประธานตรงที่นาคนั่งขานนาคในเวลาอุปสมบท

ขณะนั้นหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวมาถึงพอดี ท่านจึงขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ที่เหลือซึ่งตั้งอยู่หน้าพระประธาน อันเป็นที่นั่งพระอุปัชฌาย์จึงหันหน้าชนกับหลวงพ่อมีโดยมีประรำอิทธิมงคลขึ้นอยู่ระหว่างกลาง

หยอกล้อกันเล่น "หลวงพ่อขอม" ส่งตะปูโลงศพใส่ "หลวงพ่อมี" ถึง ๕ ตัว จนต้องนำไปถวายคืน แต่ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ๑ตัว

หลวงพ่อขอม

พอพระภิกษุสงฆ์สวดพุทธาภิเษก หลวงพ่อมีก็เข้าสมาธิจิตปลุกเสก ฉับพลันนั้นท่านก็รู้สึกว่า มีสิ่งของตกลงมาธรรมาสน์ใกล้หน้าแข็งของท่านดัง "กึก"

หลวงพ่อมีนั่งเข้าสมาธิจิตเฉยเมยไม่ได้มีความสนใจไยดีต่อเสียงรอบข้างแต่อย่างใด สักครู่หนึ่ง ก็มีเสียงตกลงมาดังกึกบนธรรมาสน์ที่เดียวกันอีกครั้งและมีเสียงกุกๆกักๆพอได้ยิน

หลวงพ่อมีทราบได้ในทันทีว่า ถูกลองของแน่แล้ว แต่ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวยังคงนั่งหลับตาเฉย พร้อมกับเข้า เตโชกสิณ อธิษฐานจิตให้เห็นว่าสิ่งที่ตกลงมา ๒ครั้งนั้นมันเป็นอะไรกันแน่

ด้วยทิพยอำนาจแห่งเตโชกสิณ สิ่งที่ปรากฏภายในดวงจิตของหลวงพ่อมีก็คือ ตะปูโลงผี ขนาด ๓ นิ้ว๒ ตัว กำลังเคลื่อนไหวดุจมีชีวิตอยู่ไปมา หลวงพ่อมีจึงลืมตาก้มหน้าลงมามองดูด้วยตาเนื้อเพื่อให้รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาหลวงพ่อมีขณะนั้นตะปูจริงๆและกำลังหันปลายแหลมตั้งชี้พุ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อมีทั้ง ๒ตัว

พระเถระแห่งวัดมารวิชัย วางมือขวาลงไปใช้นิ้วชี้กดตะปู ๒ตัว พร้อมกับว่าพระคาถาเป่าพรวดลงไปเบาๆตาปูโลงผีก็หมดฤทธิ์ ท่านจึงเก็บไว้ใต้ผ้าอาสนะแล้วเริ่มเข้าสมาธิจิตปลุกเสกอิทธิมหามงคลต่อไป

ทันใดนั้น ก็มีตะปูตกลงมาใกล้หน้าแข้งท่านอีกเป็นตัวที่ ๓ ตัวที่๔และตัวที่๕ ซึ่งหลวงพ่อมีก็เก็บแล้วเขี่ยเข้าไปในอาสนะที่ท่านนั่งจนครบ ๕ ตัว อธิษฐานจิตเพื่อดูให้รู้แน่ว่าถูกพระอาจารย์ดีองค์ไหนในจำนวนทั้ง ๓ รูป คือ หลวงพ่อขอม หลวงพ่อเชิญ หลวงพ่อเมี้ยน

หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระอาจารย์ผู้เลิศล้ำแห่งจังหวัดสุพรรณบุรีนั่นเอง หลวงพ่อมียังไม่แน่ใจว่าจะเป็นหลวงพ่อขอมหรือไม่ท่านจึงอธิษฐานนึกถึงภาพหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนตามลำดับ แต่ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นภายในความคิดทุกครั้งกลับกลายเป็นภาพของหลวงพ่อขอมเช่นเดิม ต้องเป็นหลวงพ่อขอมแน่ๆหลวงพ่อมีนึกคิด พอเสร็จพิธีพุทธาภิเษกจบที่๔ ผู้คนเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อขอมอย่างล้นหลาม เพราะท่านเป็นพระเกจิมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในขณะนั้น

หยอกล้อกันเล่น "หลวงพ่อขอม" ส่งตะปูโลงศพใส่ "หลวงพ่อมี" ถึง ๕ ตัว จนต้องนำไปถวายคืน แต่ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ๑ตัว

หลวงพ่อมี

 

หลวงพ่อมีหยิบตะปูใส่พาน๔ ตัว แล้วเก็บไว้ ๑ตัว เพื่อเป็นที่ระลึก๑ ตัว และเอาดอกไม้ธูปเทียนวางทับปิดบังตะปูไว้ เดินตรงรี่เข้าไปถวายหลวงพ่อขอม เป็นการแสดงความคารวะ

หลวงพ่อขอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับเฉยๆเสียอย่างนั้น หลวงพ่อมีจึงพูดขึ้นว่า

"หลวงพ่อผมเอาดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย"

หลวงพ่อขอมจึงรับประเคนจากหลวงพ่อมี อย่างขัดไม่ได้ ปกติท่านไม่ได้รับทั้งพานคงใช้มือรวบเอาเฉพาะธูปเทียนเท่านั้น ท่านจึงมองเห็นตะปูวางอยู่ในพาน

หลวงพ่อขอมจึงเอ่ยถามหลวงพ่อมีขึ้นว่า

"นั่นอะไร"

หลวงพ่อมี ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ แบบคนจริงว่า

"ตะปูของหลวงพ่อ ผมนำมาถวายคืน"

หลวงพ่อจึงรับพานไป แล้วพูดติดขำขันอย่างสบายอารมณ์ เป็นการยอมรับหลวงพ่อมี แถมรู้ทันถามตรงๆขึ้นว่า

"แล้วตะปูอีกตัวหนึ่ง เก็บเข้าไว้ในย่ามทำไม"

หลวงพ่อมีตอบอย่างนอบน้อมว่า

"ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ"

นอกจากหลวงพ่อขอม แล้ว อีกท่านที่เคยลองวิชากับ หลวงพ่อมี และให้การยอมรับในวิชา หลวงพ่อมี

คือ อ.โสมทัต เขมจารี

หยอกล้อกันเล่น "หลวงพ่อขอม" ส่งตะปูโลงศพใส่ "หลวงพ่อมี" ถึง ๕ ตัว จนต้องนำไปถวายคืน แต่ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ๑ตัว

หยอกล้อกันเล่น "หลวงพ่อขอม" ส่งตะปูโลงศพใส่ "หลวงพ่อมี" ถึง ๕ ตัว จนต้องนำไปถวายคืน แต่ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ๑ตัว

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้ พระเกจิอยุธยา

เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์