รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"
ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"
แถวโรงพยาบาลศิริราชถือเป็นย่านปราบเซียนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเพราะขึ้นชื่อว่ารถติดมาก ถนนก็เล็กรถก็แน่นอยู่ตลอดเวลา แต่การจราจรโดยรอบศิริราชในเวอร์ชั่นที่เราประสบอยู่ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว เพราะในหลวง ร.๙ ได้ทรงเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาให้ โดยในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๖-๒๕๓๘ เป็นช่วงที่ในหลวงได้ทรงประสบปัญหาการจราจรด้วยพระองค์เองร่วมกับประชาชนอย่างเราๆด้วยเพราะเสด็จไปเยี่ยมสมเด็จย่าที่โรงพยาบาลศิริราชทุกวันจึงเป็นที่มาของโครงการแก้ไขปัญหาจราจรโครงการต่างๆ
ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"

ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"
โครงการแรกที่ทรงเริ่มดำเนินการ คือโครงการถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ (สายบางกอกน้อย) หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า ถนนสุทธาวาส โดยทรงเห็นว่าระหว่างถนนอิสรภาพกับถนนจรัญสนิทวงศ์ไม่มีทางเชื่อมต่อกัน เวลาใครจะไปโรงพยาบาลศิริราชจึงลำบากมากเพราะรถติดหนัก ไม่มีทางสั้นๆ จึงโปรดฯ ให้ตัดถนนเส้นใหม่เลียบทางรถไฟสายใต้จากปลายถนนอิสรภาพถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ ความยาวประมาณ ๖๐๐ เมตร โครงการถนนสุทธาวาสนี้มีสองเรื่องด้วยกันเรื่องที่เราอยากจะเล่าให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องการใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าสูงสุดและความเที่ยงตรงของในหลวง 
เรื่องแรกก็คือที่ดินที่จะสร้างถนน เดิมทีโครงการโฮปเวลได้สัมปทานที่ดินผืนนี้ เมื่อในหลวงทรงมีดำริที่จะสร้างถนน คุณประเสริฐ สมะลาภา ปลัดกรุงเทพมหานครในขณะนั้นจึงกราบทูลตามตรงว่าคงดำเนินการไม่ได้ แต่ในหลวงทรงชี้ให้เห็นว่าโครงการโฮปเวลคงจะใช้เวลามากกว่า ๓ ปี กว่าจะใช้ที่ดินตรงนี้ ดังนั้นจึงสมควรที่จะขอยืมพื้นที่มาทำถนนก่อน โดยลงทุนไม่กี่ล้านบาทแต่ใช้ประโยชน์ได้ถึง ๓ ปี ถือว่าคุ้มค่า ซึ่งก็จริงตามที่ท่านรับสั่งเพราะจนบัดนี้ โครงการโฮปเวลก็ยังไม่ได้สร้าง

ส่วนเรื่องที่ ๒ หลังจากที่ประเด็นเรื่องสัมปทานที่ดินหมดไปแล้วก็มาถึงเรื่องประชาชนที่อยู่อาศัยบนที่ดินที่จะตัดถนน โดยในหลวงทรงย้ำกับคุณประเสริฐว่าให้ดูแลความยุติธรรมให้ดี เพราะการตัดถนนไม่ว่าที่ใดมักจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่เสมอ โดยรับสั่งถึงเรื่องที่ต่างจังหวัดว่า ไม่ยุติธรรมเลยที่ชาวบ้านซึ่งมาอยู่ตั้งนานด้วยความลำบากยากแค้น แต่อยู่ๆ เมื่อมีโครงการสร้างถนน ที่ดินก็เปลี่ยนเป็นของคนอื่นเสียแล้ว สำหรับในหลวงแล้วการที่ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะถูกเวนคืนไปทำถนนด้วยเหตุจำเป็นนั้นยังพอรับได้ แต่ถ้าเดือดร้อนเพราะถูกหลอกนั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง ทรงย้ำว่า “เป็นบาป” แล้วก็ไม่ตรัสอะไรต่ออีก ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป" ริ

ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"
ตอนแรกคุณประเสริฐยังไม่เข้าใจพระราชประสงค์ แต่เมื่อกลับมาทบทวนจึงเข้าใจว่า พระองค์อยากให้คนที่ได้ประโยชน์จากการเวนคืนคือชาวบ้านจริงที่อยู่ที่นั่น ไม่ใช่กลุ่มนายทุนที่รู้ข้อมูลก่อนแล้วมากว้านซื้อที่ชาวบ้านเอากำไร เพราะฉะนั้นแทนที่จะกระจายข่าวในวงราชการก่อน คุณประเสริฐจึงลงพื้นที่เพื่อแจ้งข่าวกับชาวบ้านโดยตรงว่า ในหลวงรับสั่งให้ตัดถนนสายนี้ ทำให้ชาวบ้านไม่ถูกหลอกซื้อที่โดยนายทุนและได้รับราคาที่ดินที่ยุติธรรม
ถ้าพูดกับแบบบ้านๆก็จะพูดได้ว่าในหลวงทรงน่ารักมากที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้สิ่งที่พระองค์ทำเกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เบียดเบียนประชาชนของพระองค์

ที่มา FB : เพจสานต่อที่พ่อทำ
              เรียบเรียงจาก สัมภาษณ์คุณประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ 
              และหนังสือสะพานพระราม ๘ โครงการแก้ไขปัญหาจราจรตามแนวพระราชดำริ

ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างแท้จริง!! “คนในพื้นที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการพระราชดำริแต่ถ้าหากเป็นคนจากที่อื่นจะเป็นบาป"