สุดยอด!! รายแรกของประเทศไทย สกสค.ยื่นมือช่วยปลดหนี้วิกฤตให้ "ลุงทองสุข" ครูเกษียณวัย83 ก่อนถูกธนาคารยึดบ้านพบหนี้ขั้นวิกฤตอีกเพียบ!? (คลิป)

สุดยอด! รายแรกของประเทศไทย สกสค.ยื่นมือช่วยปลดหนี้ขั้นวิกฤตให้ "ลุงทองสุข" ครูเกษียณวัย 83 ปี กำลังถูกธนาคารเตรียมยึดบ้าน พบอีก 500,000 ราย มีหนี้ขั้นวิกฤต 10,000 รอการเยียวยา ดร.พิษณุ รองปลัดกระทรวงศึกษา ไม่รีรอเร่งช่วยเหลือแม่พิมพ์ "ล๊อตแรก"700 รายแรก ด้วยเงินทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ผู้ได้รับการพิจารณาต้องถูกขึ้นบัญชีเครดิตบูโร ไม่สามารถยื่นกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นได้อีก ผู้ขอหมดสิทธิ์จับเงินสดเพราะจ่ายตรงถึงเจ้าหนี้ ผู้ค้ำสบายใจ ธนาคารไม่มี เอ็นพีแอลหรือหนี้สูญ โดยรับซื้อหนี้จากหลายสถาบันรวมเป็นก้อนเดียวคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.5/ปี ต่ำและถูกกว่าที่อื่น

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด นายชวลิต คำเพ็ง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด และ นายธำรงรัตน์ จอมสืบ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดอุตรดิตถ์  พร้อมด้วย และคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการ สกสค.จังหวัดอุตรดิตถ์ เชิญเจ้าหนี้จากสถาบันการเงิน 3 แห่ง อาทิ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารทหารไทย, และกองทุนหมู่บ้านอีก 1 แห่ง ซึ่งนายทองสุขหรือลุงสุข เมืองนันท์ อายุ 83 ปี ข้าราชการบำนาญ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์เขต 1 ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์จำกัด และได้เป็นหนี้กับสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,736,583 บาท

ซึ่งทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด ได้รวบรวมหนี้ที่นายทองสุขมีทั้งหมดจากสถา บันการเงินทุกแห่งรวมเป็นหนี้ก้อนเดียว เข้าโครงการจัดสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา (ชพค.-ชพส.) ตามที่นายทองสุข เป็นสมาชิกโครงการนี้ และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการสวัสดิการให้การช่วยเหลือตามแนวทางแก้ปัญหาของ ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการ (สกสค.) ที่มีนโยบายในการให้การช่วย เหลือพร้อมปลดหนี้ขั้นวิกฤตให้แก่ข้าราชการครูทั่วประเทศ ที่ถูกบังคับให้ใช้หนี้จาก สถาบันการเงิน จำนวนกว่า 10,000 ราย จากจำนวนครูที่เป็นหนี้ 500,000 ราย ในจำนวนสมาชิกที่มีอยู่กว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งมาจากสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศในแต่ละจังหวัด จำนวน 22 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ

โดยทาง สกสค.พิจารณาให้การช่วยเหลือสมาชิกที่เข้าร่วมโครงปลดหนี้ขั้นวิกฤตในล๊อตแรก จำนวน 700 ราย ด้วยเงินจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท นายทองสุขถือเป็นรายแรกที่ได้รับการพิจารณาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด พิจารณาส่งเรื่องให้คณะกรรมการโครงการจัดสวัส ดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ชพค.-ชพส.ช่วยเหลือ ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ มีสมาชิก ชพค-ชพส. เป็นหนี้เข้าขั้นวิกฤตอยู่จำนวนกว่า 212 ราย และ ปัญหาหนี้ของนายทองสุขอยู่นั้นในขั้นวิกฤตบ้านกำลังถูกยึด ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาหนี้สิน

นับเป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการช่วยเหลือจาก สกสค.ในฐานะผู้เป็นสมาชิกโครง การจัดสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ชพค.-ชพส. และเป็นรายแรกของจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด โดยมีพิธีรับมอบหนี้(ซื้อหนี้)ทั้งหมดจากสถาบันการเงิน 3 แห่ง อาทิ สห กรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด จำนวน 1,127,564. 83 บาท ธนาคารกรุงไทยอุตรดิตถ์ จำนวน 350,875.29 บาท ธนาคารทหารไทยอุตรดิตถ์ 210, 075 บาท และจากกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 40,000 บาท รวมหนี้พร้อมดอกเบี้ยทั้งสิ้น 1,736,583 บาท ซึ่งหนี้ทั้งหมดจะถูกรวมมาอยู่ที่ สกสค.และจะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 3.5/ปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ถูกมาก

ที่ผ่านมา นายทองสุข มีเงินเดือนจากเงินบำนาญเดือนละ 9,500 บาท หักหนี้ให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำนวนกว่า 7 พันบาท เหลือเงินจำนวน 2 พันบาทเศษ ทำให้มีเงินไม่พอส่งธนาคารกรุงไทยและธนาคารทหารไทย ส่วนกองทุนหมู่บ้านจัดส่งเป็นรายปี บ้านที่จำนองไว้กับธนาคารทหารไทย  ถูกบังคับคดีเนื่องจากค้างชำระตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถืออยู่ในขั้นวิกฤตเพราะธนาคารเตรียมยึดบ้านแล้ว ทางคณะกรรมการสวัสดิการ สกสค.พิจาร ณาให้รายนี้ ด้วยการซื้อหนี้ทั้งหมด ตามที่นายชวลิต  คำเพ็ง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด เซ็นสัญญากับ สกสค.ในการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับข้าราชการครู

สำหรับเงื่อนไขที่นายทองสุข ต้องปฏิบัติตามหลังจาก สกสค.โดยสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ชพค.-ชพส.รับซื้อหนี้แล้ว ต้องถูกขึ้นบัญชีเครดิตบูโร จะไม่สามารถยื่นกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นใดได้อีก และต้องเข้าโครงการพัฒนาชีวิตภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขภายใต้ความพอเพียง พร้อมพัฒนาอาชีพหารายได้เสริม โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาที่ 1, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ และสกสค.จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนเงินบำนาญที่ได้รับแต่ละเดือน จำนวน 9,500 บาท จะถูกหักผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ เดือนละ 6,500 บาท คงมีเงินเหลือเดือนละ 3,000 บาท ขณะที่ในอดีตไม่เคยมีเงินเหลือแถมชักหน้าไม่ถึงหลัง เชื่อว่าต่อจากนี้ไปจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

นายธำรงรัตน์ ผอ.สกสค.จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า โครงการสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ชพค.-ชพส.เป็นโครงการที่มุ่งสร้างขวัญกำลังใจแก่สมาชิกจากการเก็บข้อมูลวิจัยและสำรวจสอบถามความต้องการด้านการช่วยเหลือจากสมาชิก ชพค-ชพส.ทั่วประเทศที่มีอยู่ จำนวนกว่า 1.2 ล้านราย เป็นหนี้ จำนวน 500,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นหนี้วิกฤตที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทันที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที จะส่งผลทำให้ไม่มีบ้านอยู่อาศัยหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "บ้านแตกสาแหรกขาด" ขณะนี้มีผู้ถูกบังคับหนี้อยู่ประมาณกว่า 10,000 ราย รายของจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าหลักเกณฑ์ที่ทาง คณะกรรมการสวัสดิการ สกสค. พิจารณาและไม่มีแนวโน้มหนี้สูญหายและเป็นหนี้ที่อยู่ในระดับให้การช่วยเหลือได้เป็นรายแรกใน จำนวน 700 ราย และมีพิธีรับมอบหนี้หรือซื้อหนี้จากสถาบันการเงินเป็นรายแรกด้วยเช่นกัน โดยผู้ก่อหนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะรับเงินก้อนนี้ แต่หนี้จะถูกจ่ายผ่านให้กับสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้โดยตรง  

 

นายธำรงรัตน์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การพิจารณาของ คณะกรรมการสวัสดิการ สกสค.จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลที่แท้จริงประกอบกับข้อมูลที่ผู้ยื่นร้องขอโดยเริ่มดูจากมูลหนี้ การครองตนและพฤติกรรมของผู้ยื่น ความยินยอมจากครอบครัวประมวลกับความเป็นไปได้จากเงินที่จะหักจ่ายจากเงินเดือนหรือเงินบำนาญ ขั้นตอนการพิจารณาค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ผู้ที่ได้รับการพิจารณาถือได้ว่า เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะชดใช้เงินคืนได้จริง ทางคณะอนุ กรรมการจึงจะอนุมัติให้การช่วยเหลือทันที

ด้าน นายชวลิต ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด กล่าวว่า กรณีของลุงทองสุขเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน 3 แห่งและ 1 กองทุนหมู่บ้านต่อไปนี้หนี้ทั้งหมดจะถูกรวมเป็นหนี้เดียวคือ สกสค.โดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์เป็นผู้หักเงินเดือนบำนาญ การรวมหนี้ครั้งนี้ถือเป็นการปลดทุกข์ให้โดยตรง  สำหรับรายอื่นที่ยังไม่ได้รับทาง สกสค.จะทยอยดำเนินการให้ตามลำดับความจำเป็นก่อนและหลังรายต่อไป ผู้ที่มีหนี้มากอาจจะยังไม่ได้ การดูแล เหตุเพราะหนี้มีความเสี่ยงในการชดใช้คืน ทาง สกสค.คงต้องมองถึงอนาคตความมั่นคงของตนเองด้วย การรวมหนี้ครั้งนี้ของ สกสค.ส่งผลทำให้สถาบันการเงินอื่นไม่มีเอ็นพีแอลหรือหนี้สูญ และเกิดความสบายกับผู้ค้ำประกันด้วย 

นายทองสุข ข้าราชการบำนาญ วัย 83 ปี กล่าวว่า ตนไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า เงินที่กู้มานั้นนำมาประกอบอาชีพ ด้วยเศรษฐกิจไม่ดีทำให้เกิดความผิดพลาดแต่ไม่ท้อ เพราะมีวินัยทางการเงิน รู้สึกดีใจอย่างมากที่ สกสค.ยื่นมือเข้ามาช่วยในเรื่องของการปลดหนี้เปลื้องสินกับสถาบันการเงินที่เป็นหนี้ถึง 3 แห่ง และกองทุนหมู่บ้าน โดยรวมเป็นหนี้เดียวกัน พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการสวัสดิการ อย่างเคร่งครัด

ภาพ/ข่าว สมภพ  สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.อุตรดิตถ์